HoonSmart.com>>กลุ่มแบงก์แจกข่าวดีไม่หยุด บอร์ด “ธนาคารกสิกรไทย” (KBANK) ไฟเขียวโครงการซื้อหุ้นคืน วงเงิน 8,800 ล้านบาท จำนวน 47.39 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 2% ดีเดย์ 14 พ.ย.68 -13 พ.ค.69 ชี้ธนาคารมีเงินกองทุนแข็งแกร่ง รองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคตทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต ราคาหุ้นพุ่งแรง แต่ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 241.98 บาท ด้านธนาคารกรุงไทย (KTB) จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.43 บาท/หุ้น ขึ้น XD 11 พ.ย.นี้
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร วันที่ 30 ต.ค.2568 มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินในวงเงินไม่เกิน 8,800 ล้านบาท จำนวนไม่เกิน 47,386,552 หุ้น หรือไม่เกิน 2% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด โดยวิธีการซื้อด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงระหว่างวันที่ 14 พ.ย.2568 – 13 พ.ค.2569 และราคาเสนอซื้อจะไม่เกินราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนวันซื้อหุ้นคืน บวกด้วยจำนวน 15% ของราคาปิดเฉลี่ย โดยเงินที่ใช้ซื้อหุ้นคืนจะเป็นเงินสดจากสภาพคล่องภายในของธนาคาร
ด้านราคาหุ้น KBANK ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 180.50 บาท +1.50 บาท หรือ +0.84% มูลค่าการซื้อขาย 924.30 ล้านบาท ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ 241.98 บาทต่อหุ้นสิ้นไตรมาส 3/2569

นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)เปิดเผยว่า การซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินกองทุน โดยธนาคารได้คำนึงถึงความเพียงพอของเงินกองทุน สภาพคล่องส่วนเกินและผลตอบแทนที่เหมาะสมแก่ผู้ถือหุ้นของธนาคาร เนื่องจากในปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระดับที่แข็งแกร่ง เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 21.60%
ธนาคารได้พิจารณาทางเลือกในการบริหารจัดการเงินกองทุนโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงภาวะตลาด ผลการดำเนินงาน และระดับเงินกองทุน ซึ่งธนาคารเห็นว่าการซื้อหุ้นคืนเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เหมาะสมในสภาวะการณ์ปัจจุบัน ที่จะช่วยให้ธนาคารสามารถบริหารจัดการเงินกองทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะทำให้ธนาคารมีมูลค่าทางบัญชีของส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงและมีจำนวนหุ้นของธนาคารลดลง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) สูงขึ้น อันจะทำให้ราคาหุ้นสะท้อนมูลค่าหุ้นที่แท้จริงได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้ถือหุ้น
นายจงรัก กล่าวย้ำว่า ธนาคารยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ และมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตอกย้ำการเป็นธนาคารที่ได้รับความไว้วางใจเสมอมา เดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 และการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน เพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ทางด้านบอร์ดธนาคารกรุงไทย (KTB) อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลดำเนินงานครึ่งปีแรก อัตรา 0.43 บาท/หุ้น เตรียมขึ้น XD 11 พ.ย.นี้ จ่ายเงินวันที่ 27 พ.ย.2568 ส่งผลให้ราคาหุ้น KTB ปรับตัวขึ้น 0.50 บาทหรือ +1.87% ซื้อขายที่ 27.25 บาท ณ เวลา 15.54 น.
ปัจจุบันธนาคารหลายแห่งเปิดโครงการซื้อหุ้นคืน KKP และ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ซึ่งประกาศแผนซื้อคืนยาวถึง 3 ปี (2568-2570) สำหรับปิดนี้ได้ปิดโครงการแล้ว หลังจากซื้อหุ้นคืนได้รวม 2,688.18 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.76% ของหุ้นที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมด มูลค่ารวม 5,103.14 ล้านบาท โดยคาดว่าธนาคารบางแห่งคงจะเปิดโครงการนี้ด้วย เนื่องจากมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และราคาหุ้นในตลาดซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี ขณะเดียวกันยังให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ดีด้วย
