SCC ขาดทุน 669 ล้านบ.Q3/68 สต๊อกปิโตรฯฉุด กระแสเงินสดแกร่ง14,191 ล้านบ.

HoonSmart.com>>”ปูนซิเมนต์ไทย” (SCC) โชว์ไตรมาส 3/68 ขาดทุน 669 ล้านบาท หากไม่รวมขาดทุนสต๊อกของ SCGC ที่ 1,348 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างธุรกิจ  95 ล้านบาท ยันมีกำไรจากการดำเนินงาน  774 ล้านบาท กระแสเงินสด 14,191 ล้านบาท ใช้ความแข็งแกร่งของแต่ละธุรกิจ ฝ่าเศรษฐกิจโลกและไทยชะลอตัว  รวม 9 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิ 17,766.99 ล้านบาท กระแสเงินสด  44,511 ล้านบาท บล.ยูโอบีฯมอง SCC เจอปิโตรฯฉุดทุบไตรมาส 3 ขาดทุนมากกว่าคาด 

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2568 ขาดทุนสุทธิ 669.14 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนหุ้นละ 0.56 บาท พลิกจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 721.29 ล้านบาท หรือ 0.60 บาทต่อหุ้น โดยรวม  9 เดือนแรกปีนี้ กำไรทั้งสิ้น 17,766.99 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 14.81 บาท เพิ่มขึ้นจากที่มีกำไรสุทธิ 6,854.08 ล้านบาท หรือ 5.71 บาทต่อหุ้นในระยะเดียวกันปีก่อน

ในไตรมาสที่ 3/2568 บริษัทมีกระแสเงินสด (EBITDA) 14,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 19% จากไตรมาสก่อน ผลจากเงินปันผลรับตามฤดูกาล รายได้จากการขาย 121,793 ล้านบาท ลดลง 2% จากปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง และรายได้จากการขายที่ลดลงของเอสซีจีพี

อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงาน 774 ล้านบาท หากไม่รวมการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือของเอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) ที่ 1,348 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ (ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง) จำนวน 95 ล้านบาท

ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แม้เผชิญกับเศรษฐกิจโลก-ไทยชะลอตัว บริษัทฯมีผลขาดทุนเพียง 669 ล้านบาท ผลจากการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในระดับมั่นคง ได้เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ขยายพอร์ตสินค้าราคาคุ้มค่า-HVA-กรีน และคว้าโอกาสตลาดเวียดนามเติบโตสูง ผลิต-ส่งออกสู่ตลาดโลก

ส่วนกระแสเงินสด (EBITDA) ช่วง 9 เดือน/ 2568 อยู่ที่ 44,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจำนวน 38,768 ล้านบาทของช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากความพยายามปรับโครงสร้างการดำเนินงานธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การรักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด การบริหารต้นทุนให้แข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลก การขยายพอร์ตสินค้าราคาคุ้มค่า Smart Value – HVA- กรีน

“SCC ได้ปรับตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลดีต่อการดำเนินงานและการเงินในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (ไตรมาส 3 /2567 ถึงไตรมาส 3/2568) ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น ได้แก่

1. เงินทุนหมุนเวียน ลดลง 21,571 ล้านบาทจากปีก่อน

2. หนี้สินสุทธิลดลง 32,226 ล้านบาทจากปีก่อน

3.อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA อยู่ที่ 4.7 เท่า จากเดิม 6.3 เท่า

สถานการณ์เศรษฐกิจโลก-ไทยมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความท้าทายที่แต่ละธุรกิจต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา บริษัทฯจึงใช้ความได้เปรียบจากการเข้าไปดำเนินธุรกิจในอาเซียนมานาน โดยเฉพาะเวียดนามที่มี GDP โตสูงถึง 7% และสามารถบริหารต้นทุนให้แข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลกได้เป็นฐานการผลิตสินค้า อาทิ ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ กระเบื้องเซรามิก ส่งออกสู่ตลาดโลก

ทางด้านบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) วิเคราะห์ SCC  รายงานผลงานไตรมาส 3/2568 ขาดทุนมากกว่าคาด ส่วนหนึ่งมาจาก Stock loss (รวม NRV) ที่มากถึง 1,348 ล้านบาท (เราคาดจำนวน  907 ล้านบาท) ธุรกิจปิโตรเคมีขาดทุน 4,000 ล้านบาท จากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสก่อน เนื่องจาก PE และ PP Spread ที่ลดลง แม้ PVC Spread เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสที่ 2 แต่ไม่เพียงพอชดเชย

แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาสที่ 4 มองเป็นบวกจากราคาขายและยอดขายซีเมนต์ที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป,เงินปันผลรับตามฤดูกาล,กำไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล,กำไรจากการกลับ NRV ที่เกิดขึ้นในไตรมาส 3 และไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มจากการเริ่มผลิตของโรงงาน LSP เหมือนในไตรมาส 3 เพียงพอชดเชยธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนแอ ให้ราคาเป้าหมาย 290 บาท

ด้านราคาหุ้น SCC  ปิดที่ 207 ลดลง 2 บาทหรือ-0.96% วันที่ 29 ต.ค.2568

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–