HoonSmart.com>> คำต่อคำ “กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TSB เอกชนไทย เปลี่ยนรถเมล์ เป็นรถไฟฟ้า 2,350 คัน, เรือไฟฟ้า 45 ลำ, ระบบ AI สุดล้ำ, คนขับกลายเป็นกัปตัน, กะปี๊กลายเป็นบัสโฮสเตส ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้ พร้อมเปิดความคับอกถูกเอาเปรียบ ถูกวิ่งทับเส้นทาง ถูกกดดัน แต่ยังยืนหยัด! ขอปิด”ช่องว่างทางความดี ที่ไม่มีใครทำ” สะดุดตาต่างชาติยกให้เป็น Diamond แห่งเอเชีย ตั้งเป้ารายได้ปี’68 กว่า 2,043 ล้านบาท โต 9.5% จะเป็นตัวแทนประเทศไทยขึ้นเวทียั่งยืนโลกปี’69
น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไทยสมายล์ กรุ๊ป ที่บริหารบริษัท ไทยสมายล์ บัส (TSB) ให้ภาพ พัฒนาการและโอกาสการเจริญเติบโตของไทยสมายล์บัส ต่อชีวิตคนกรุงเทพ ว่า TSB เป็นผู้บริหารจัดการรถโดยสารสาธารณะสีน้ำเงินที่ให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายใต้การรวมกิจการจากหลายบริษัทพันธมิตร

ในช่วงเริ่มต้นของโครงการ ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่คือ บล.บียอนด์ ซึ่งให้ความเชื่อมั่นและร่วมลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเงินทุนดังกล่าวถูกนำไปใช้ในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดที่สุด ไม่ได้ถูกนำไปลงทุนในธุรกิจอื่น
1.มีการใช้เงินลงทุนไป 2,000 ล้านบาท ในการเปลี่ยนรถโดยสารเก่า เป็นรถไฟฟ้า หรือ รถ EV ทำการติดตั้งระบบที่ทันสมัยในรถแต่ละคัน ซึ่งประกอบด้วยกล้อง CCTV จำนวน 6 ตัว กล้อง AI สำหรับตรวจสอบพฤติกรรมผู้ขับขี่ ระบบนับจำนวนผู้โดยสาร และระบบแชทเพื่อเก็บข้อมูลสำหรับการพัฒนาในอนาคต โดยมีเป้าหมายให้รถโดยสาร 1 คันมีผู้ขับเพียง 1 คน เช่นเดียวกับระบบขนส่งในต่างประเทศ
“การดำเนินงานในระบบนี้ ไม่มีหน่วยงานใดให้การสนับสนุน นอกจากการใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ของนักลงทุน”น.ส.กุลพรภัสร์ กล่าว
น.ส.กุลพรภัสร์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ได้พัฒนาทักษะและปรับเปลี่ยนบุคลากรเพื่อรองรับระบบใหม่ โดยเริ่มดำเนินการจริงในปี 2563 และปัจจุบันมีรถโดยสารไฟฟ้าให้บริการแล้วจำนวน 2,350 คัน รวมถึงเรือไฟฟ้าอีก 45 ลำที่ให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยา
ยอมรับว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบสีเขียว มีความท้าทายและต้องเจ็บตัวในช่วงเริ่มต้น แต่จะใส่ใจในทุกขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อปูพื้นฐานระบบขนส่งสาธารณะที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายในการลดคาร์บอนเครดิตให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่เคยลงนามในข้อตกลง COP26 ณ กรุงปารีส
2. การปฏิรูปและยกระดับบุคลากร ปัจจุบันมีพนักงานรวมกันกว่า 5,600 ชีวิต ที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ และต้องการ เปลี่ยนคนขับ เป็นกัปตัน เปลี่ยนพนักงานเก็บค่าโดยสารที่มักถูกเรียกว่า กะปี๊ เป็น บัสโฮสเตส ทั้งหมดถูกอบรมอย่างละเอียด เพื่อยกระดับการให้บริการ ก่อนที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มหรือรถใหม่
พร้อมกับมีการมอบผลตอบแทนพิเศษเพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับคนขับ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรม
3. การใช้เทคโนโลยีและการมอนิเตอร์ มีการจัดตั้ง ห้องปฏิบัติการ ที่สามารถ ดูคอนโทรลได้ทั้งหมด,สามารถ มอนิเตอร์รถจำนวน 2,300 คัน ได้ทั้งหมด,เทคโนโลยีถูกนำมาใช้เพื่อ มอนิเตอร์พฤติกรรมคนขับ อย่างเข้มงวด เช่น การตรวจจับว่าคนขับ “ตาปรือ” บ่อยแค่ไหน หรือมีการ “คุยโทรศัพท์” ขณะขับรถหรือไม่
4. เป้าหมายด้านความยั่งยืน ให้สอดคล้องไปกับนโยบายที่รัฐบาลได้ออกไว้ และเชื่อว่าโครงการนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายและสร้างผลกระทบ (impact) ให้กับประเทศ โดยตั้งใจที่จะดำเนินงานบน ความถูกต้องและความมุ่งมั่น อย่างไม่เคยหยุดนิ่งต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และมองข้ามปัญหาโดยไม่จมอยู่กับมัน
ปัจจุบัน TSB กำลังเร่งแก้ไขระบบเพื่อให้สามารถรองรับ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ได้ สำหรับประชาชนกลุ่มนี้ที่มีอยู่เกือบหนึ่งล้านคน โดยคาดการณ์ว่าระบบจะสามารถรองรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ภายในปีนี้
น.ส.กุลพรภัสร์ กล่าวว่า สำหรับ ธุรกิจและการลงทุนของ TSB ที่ผ่านมา ในด้านรายได้ไม่เป็นไปตามแผน เพราะต้องเผชิญความท้าทายหลายอย่างมาก ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ใช้ในการวางแผนการลงทุนและการปฏิรูปเส้นทางเดินรถ ตามแผนการปฏิรูประบบขนส่งมวลชนของรัฐบาล และแผนฟื้นฟู ขสมก. ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้, เชื่อว่าจำนวนผู้โดยสารจะเติบโตขึ้นตามที่คาดการณ์ และจะได้รับสัมปทานบนเส้นทางที่เป็นสิทธิ์ของ TSB แต่เพียงผู้เดียว ตามระบบการปฏิรูป “1 สาย 1 ผู้ประกอบการ”
แต่ ปรากฏว่าความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น สิ่งที่บริษัทฯเจอ
1.ปัญหาการวิ่งทับสาย เส้นทางบางสายที่ควรจะเป็นเส้นทางใหม่ หรือเป็นเส้นทางที่ขนส่งดึงกลับมาเปิดประมูลใหม่และ TSB ได้ไป ปรากฏว่ามี ผู้ประกอบการเดิมที่ไม่ยอมถอยออกไป และยังคงวิ่งทับเส้นทางอยู่
ส่งผลกระทบต่อรายได้ เพราะการที่มีผู้ประกอบการเดิมวิ่งทับสายอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนสายที่มีรายได้ดี ทำให้คนยังคงใช้บริการของผู้ประกอบการเดิม สิ่งนี้ส่งผลให้ รายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างมาก
2.ทำให้ต้องแบกรับต้นทุนด้านการเงินและการลงทุนที่ลงไปแล้ว ทั้งในตัวรถ การพัฒนาระบบ เช่น ระบบจัดการการเดินรถ การจ้างพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารตามจำนวนที่จำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับการวิ่งรถตลอดวัน ตั้งแต่ 4:00 น. ถึงเที่ยงคืน หรือ 24 ชั่วโมง ซึ่งต้องจ้างพนักงานเป็นกะตามกฎหมายแรงงาน จำนวนพนักงานต้องเป็น 1.3 ถึง 1.5 เท่าของจำนวนรถ
เมื่อรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ในขณะที่การลงทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ทั้ง ค่าจ้างพนักงาน และ ระบบ ทำให้เป้าหมายด้านรายได้ กำไร และระยะเวลาคืนทุนตามที่เคยคำนวณไว้ ไม่เป็นไปตามแผน
3.การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมตั้งแต่ช่วงปี 2566 เพื่อแก้ไขปัญหาการวิ่งทับสายและรายได้ที่ไม่เป็นไปตามคาด เพื่อความถูกต้อง และเพื่อรักษาสิทธิ์ของตน
แต่ด้วยการเป็นเอกชน ต้องพึ่งพาและขอความเห็นใจ/ความเป็นธรรมจากทางภาครัฐ ในการอำนวยความสะดวก
ในปี 2567 ผู้ที่วิ่งทับสายเริ่มทยอยถอยออกไปบ้างแล้วจำนวน 27 เส้นทาง ส่งผลให้รายได้ในช่วงกลางปี 2567 เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเกือบ 40% จากช่วงก่อนหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากไม่ถูกเอาเปรียบหรือปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ผลประกอบการน่าจะใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้
สำหรับปี 2568 ตั้งเป้ารายได้กว่า 2,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% จากปี 2567 ที่มีรายได้ 1,864.25 ล้านบาท

กลยุทธ์หลักในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
1.การเติมเต็มช่องว่างทางสังคมและการให้บริการที่ยั่งยืน ที่ยังมี “ช่องว่างทางความดีที่ไม่มีใครทำจริง ๆ” โดยการแก้ไขปัญหาที่เมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศประสบ เช่น ปัญหารถติด และการขาดแคลนรถที่มีคุณภาพ

ร่วมเป็นพลังในการสร้างเมืองใหม่ เพื่อรองรับกลุ่มคนไม่สามารถออกรถใหม่ได้ หรือกลุ่ม Silver Generation (ผู้สูงอายุ) ที่ไม่จำเป็นต้องซื้อรถ แต่สามารถใช้บริการรถโดยสารสาธารณะที่สะอาด ปลอดภัย (มี CCTV, เครื่องฟอกอากาศ UV ฆ่าเชื้อ) ในราคาที่ถูกมาก 40 บาทต่อวัน
สร้างสาธารณูปโภค หรือ Utility ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคจริง ๆ เช่น การพัฒนาระบบเตือนพ่อแม่เมื่อบุตรหลานขึ้นหรือลงจากรถ ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัย
เน้นการพัฒนาความยั่งยืนองค์กรให้ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอกองค์กร IDG (Inner Development Goals) ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างมากต่อทุกองค์กรในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
TSB มุ่งที่จะเป็นตัวแทนของประเทศไทยที่สามารถทำ ESG และ IDG ไปพร้อมกัน
2. การบริหารจัดการด้านการลงทุน ด้วยจำนวนรถที่มีอยู่ 2,350 คัน เพียงพอ ต่อการรองรับผู้โดยสารเป้าหมาย 600,000 คน ภายในสิ้นปี โดยไม่ต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม ในการซื้อรถใหม่ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านเงินทุน และสามารถรับผู้โดยสารได้ ด้วยการเพิ่มความถี่ในการวิ่ง
โดยได้ร่วมกับพันธมิตร ที่เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มี DNA เดียวกัน ในการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน เช่น 7-Eleven,Major Cineplex,Top Daily,หงส์ไทย ในการขายบัตรโดยสาร และมอบสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าใช้จริง
รวมถึงร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนากล้องที่ใช้ตรวจจับพฤติกรรมคนขับ
3. การขยายผลออกไปยังระดับหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่กำลังประสบปัญหาการจราจรและขาดแคลนรถที่มีคุณภาพเช่นกัน
น.ส.กุลพรภัสร์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะแสวงหาและเพิ่มรายได้จากหลากหลายช่องทางตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน
ขณะนี้ กำลังพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อกระตุ้นผู้โดยสารเกิดการใช้บริการมากขึ้น มุ่งเป้าไปที่กลุ่มพ่อแม่ที่มีลูกอายุ 8 ขวบ, 10 ขวบ, 11 ขวบ จนถึง 15 ขวบ เพื่อให้พวกเขาไม่ต้องไปส่งลูกด้วยตนเอง
การทำงานของแอปฯ เมื่อเด็กขึ้นรถเมล์ สัญญาณกระดิ่งจะดังไปถึงผู้ปกครองเพื่อแจ้งว่าลูกได้ขึ้นรถแล้ว และเมื่อรถไปถึงโรงเรียน สัญญาณก็จะถูกส่งไปหาผู้ปกครองด้วย
แอปพลิเคชันนี้จะทำให้พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนไป และนำไปสู่การเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร,การเพิ่มสัดส่วนผู้โดยสารจากกลุ่มนักเรียน/นักศึกษา,การเข้าถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการขึ้นรถเอกชนที่มีคุณภาพดีและมีสภาพสังคมที่ดี
นอกจากนี้ ยังมีการหารายได้อื่นนอกเหนือจากค่าตั๋ว โดยเน้นที่การขายพื้นที่โฆษณาภายนอกและภายในรถ,การใช้ Integrated Marketing Communication ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ไปพร้อมกัน,การทำแคมเปญร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง ล่าสุดมีการทำแคมเปญร่วมกับ Grab และ DTAC
นอกจากการจับคู่กับบริษัทขนาดใหญ่แล้ว บริษัทฯกำลังวางแผนที่จะร่วมมือกับเอสเอ็มอีด้วย
การนำรถบางส่วนจาก 2,300 คัน ที่ไม่ได้ถูกนำไปวิ่งรับผู้โดยสารอย่างเต็มที่ มาใช้สร้างรายได้ในรูปแบบการให้เช่า โดยดึงมาเพียงแค่ 30 คัน หรือ 20 คัน จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารเดิมหรือการขยายตัวของผู้โดยสารในอนาคต
4. TSB เป็นองค์กรเดียวที่สามารถดำเนินการ เคลมคาร์บอนเครดิตได้ โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก ประกอบด้วย การได้รับเชิญเป็นสมาชิก ของ Union Internationale des Transports Publics (UITP) ซึ่งเป็นระบบขนส่งระดับโลก โดย ประธานของ UITP เคยกล่าวว่า น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์ บัส ถือ เป็น “Diamond แห่งเอเชีย”

ร่วมมือกับ Huawei ด้านการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล (Data) เป็นแบบ Real time และมีความ ปลอดภัย สำหรับกลุ่มผู้บริโภค
รวมถึง TSB ยัง ได้รับรางวัลระดับสากล โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2569 จะสามารถ ขึ้นเวที Stockholm และได้รับการยอมรับในฐานะตัวแทนประเทศไทยที่ทำ ESG และ IDG ควบคู่กันไปได้
