KAsset มอง”ทรัมป์” ขู่เก็บภาษีจีน 100% แนะสะสมกองทุนผสม-เพิ่มตราสารหนี้นอก-ทองไม่เกิน 5%

HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย ชี้ทรัมป์ขู่เก็บภาษีจีน 100% ทำตลาดกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รอบใหม่ ฟันด์โฟลว์อาจชะลอไหลเข้าเพื่อรอความชัดเจน แนะนำทยอยสะสมกองทุนผสม ที่มีกลยุทธ์ปรับพอร์ตอย่างคล่องตัว (K-WealthPLUS Series) เพิ่มน้ำหนักตราสารหนี้ต่างประเทศ (K-GDBOND) และรักษาสัดส่วนทองคำไม่เกิน 5% ของพอร์ต (K-GOLD) รอจังหวะสะสมหุ้นเทคฯสหรัฐฯ จีนและเอเชียแปซิฟิก ในจังหวะปรับฐาน (K-USXNDQ, K-GTECH, K-ATECH)

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย (KAsset) วิเคราะห์กรณีประธานาธิบดีทรัมป์ ขู่เก็บภาษีนำเข้าจากจีนสูงสุด 100% เป้าหมายเพื่อตอบโต้กรณีจีนจำกัดการส่งออก “แร่ Rare Earth” ที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมชิปและพลังงานสะอาด พร้อมยังระบุว่าอาจ “ยกเลิกการพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” ในเวที APEC ซึ่งข่าวนี้จุดชนวนความกังวลว่า “สงครามการค้า” สหรัฐฯ – จีน อาจกลับมาอีกครั้ง

กรณีดักล่าวส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินเมื่อคืนวันที่ 10 ต.ค.2568 นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง หนีเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย

S&P500 -2.7%, Nasdaq -3.6%, Dow Jones -1.9%

ดัชนี Semiconductor (SOX) ร่วง -6.3% – หนักสุดในรอบ 6 เดือน

ด้าน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ร่วงแรง ลงมาที่ ~4.05% (จาก 4.14%)

ส่วนทองคำเพิ่มขึ้น +1.5% แตะ ~4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ดอลลาร์อ่อนค่าลง -0.6%

VIX Index พุ่งแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนเมษายน สะท้อนภาวะความผันผวนและความกลัวในตลาดเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันร่วงแรง จากความกังวลอุปสงค์โลก WTI -5% ปิดที่ ~58.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลและ Brent -3.8%

บลจ.กสิกรไทย คาดแนวโน้มตลาดในสัปดาห์หน้า ในวันจันทร์ (13 ต.ค.) ตลาดหุ้นเอเชียจะปรับตัวลงตามทิศทางสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์ และส่งออก

  • ตลาดที่พึ่งพาการค้าโลก เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย น่าจะปรับตัวลงมากกว่าค่าเฉลี่ย
  • กลุ่ม Defensive, High Dividend, REITs และ Utilities มีแนวโน้มปรับตัวดีกว่าตลาด (outperform)
  • เงินทุนต่างชาติอาจชะลอการไหลเข้า เพื่อรอความชัดเจน

    สำหรับมุมมองการลงทุน

  • นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (Reuters, Bloomberg) มองว่าท่าทีของทรัมป์ครั้งนี้เป็น “กลยุทธ์ต่อรอง” (Negotiation Tactic) เพื่อสร้างแรงกดดันก่อนการเจรจากับจีน คล้ายพฤติกรรมที่ขู่ภาษีเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในหลายครั้งที่ผ่านมา
  • หากมีการเก็บภาษี 100% จริง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจเบื้องต้น (Preliminary Estimate) ดังนี้
  • Peterson Institute for International Economics (PIIE, 2025) คาดว่าภาษีเฉลี่ย 30% จะกดดัน GDP สหรัฐฯ ราว -0.5% จากกรณีฐาน (Base Case) โดยหากขึ้นภาษีเต็ม 100% ต่อสินค้าจีนทั้งหมด อาจกระทบ -1.5% ถึง -2.0% ต่อ GDP ภายใน 12 เดือน
  • IMF Simulation (2024) ประเมินว่า GDP จีนอาจลดลง -0.8% ถึง -1.0% โดยเฉพาะภาคส่งออกเทคโนโลยี
  • Yale Budget Lab (2025) ระบุว่าภาษีอาจทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 0.8 – 1.2% และลดสวัสดิการผู้บริโภค

    สำหรับคำแนะนำการลงทุน

  • แนะนำทยอยสะสมกองทุนผสมที่มีกลยุทธ์ปรับพอร์ตอย่างคล่องตัว (K-WealthPLUS Series)
  • เพิ่มน้ำหนักตราสารหนี้ต่างประเทศ (K-GDBOND) เพื่อช่วยลดทอนความผันผวนของพอร์ตโดยรวม จากกรณีที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงในการชะลอตัวมากขึ้น
  • รักษาสัดส่วนทองคำไม่เกิน 5% ของพอร์ต (K-GOLD) เพื่อช่วยลดทอนความผันผวนของพอร์ตโดยรวม จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และภาษีการค้า
  • รอจังหวะสะสมหุ้นเทคฯสหรัฐฯ จีน และเอเชียแปซิฟิก ในจังหวะปรับฐาน (K-USXNDQ, K-GTECH, K-ATECH)
  • หากภาวะ Risk-off ยืดเยื้อ เน้นกองทุนที่มี Income Strategy (K-GPIN, K-PROPI, K-VALUE)

    ทั้งนี้ ข้อมูล ณ 11 ต.ค.2568