“อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม” ชนะประมูลงานโครงการ USO เฟส 2 ของ กสทช. มูลค่า 3,560 ล้านบาท รวม Backlog เดิม หนุนงานในมือแตะ 6,060 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มั่นใจรายได้ทั้งปี 2561 โตเกิน 40% มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ต้นปี
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคมและกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดประมูลโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) จำนวน 15,723 หมู่บ้าน หรือ USO 2 ประกอบด้วยสัญญากลุ่มที่ 6 ภาคกลาง 1 ซึ่งเข้าประมูลในนามคอนโซเตียมกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และสัญญากลุ่มที่ 8 ภาคใต้ ซึ่งเข้าประมูลในนามบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม มูลค่ารวมกันราว 3,560 ล้านบาท
“เมื่อนำมารวมกับงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีในปัจจุบัน 2,500 ล้านบาท จะทำให้บริษัทฯ มีงานในมือเพิ่มขึ้นเป็น 6,060 ล้านบาท โดยสัญญาโครงการ USO เฟส 2 ดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 6 ปี โดยในปีแรกจะต้องดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จ คิดเป็น 40% ของมูลค่างานทั้งหมด และให้บริการต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลา 5 ปีภายหลังส่งมอบ”นายณัฐนัย กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ITEL ได้งานจาก กสทช. ในการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ3,920 หมู่บ้าน โดย ITEL เป็นผู้ชนะการประมูลในสัญญาการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง กลุ่มที่ 4 (ภาคกลาง-ภาคใต้) จำนวน 24 จังหวัด รวมถึงกลุ่มที่ 5 (พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา กับ 4 อำเภอ ใน จ.สงขลา ได้แก่ อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี และอ.สะบ้าย้อย) มูลค่า 1,868 ล้านบาท และได้ดำเนินการติดตั้งและให้บริการไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
นายณัฐนัย กล่าวว่า ในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1,400 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อน คาดว่าจะทำได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ผลประกอบการในงวด 9 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ก.ย.2561) บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 650.11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 102.90 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 631.78 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 98.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.68 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ในช่วงกลางเดือนธ.ค.นี้ เตรียมเสนอคณะกรรมการบริษัทเพื่อขออนุมัติแผนธุรกิจในปี 2562 พร้อมทั้งเสนอปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของปี 2561 เพราะผลประกอบการของบริษัทอยู่ที่กว่า 90% ของเป้าหมายที่วางไว้ต้นปี และการได้งานโครงการ (USO) เฟส 2 เพิ่มเติมเข้ามาอีก จะมีผลทำให้ผลประกอบการในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลการประมูล ล่าสุดยังมีงานในมือกว่า 2,500 ล้านบาท โดยบางส่วนจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ และเมื่อรวมกับรายได้ที่เข้ามาใหม่ทำให้มั่นใจได้ว่าการเติบโตจะไปถึงเป้าหมายเสริมแกร่งรายได้ในอนาคตมากยิ่งขึ้น” นายณัฐนัย กล่าว