HoonSmart.com>>กูรูฟันธง ! 16-17 ก.ย.เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ลุ้นลงพรวด 0.50% จับตา Dot plot ดัชนี SET ไปให้สุด 1,330 จุด เตือนไม่ใช่เวลาไล่ซื้อหุ้น ระวัง Sell on fact หุ้นที่แบกหนี้สูงได้ประโยชน์เต็ม ๆ กลุ่มโรงไฟฟ้าเด่นกว่าไฟแนนซ์ เชียร์ GPSC, GULF, EGCO, BGRIM, BPP, PTT, TIDLOR, MTC

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินการประชุม FOMC วันที่ 16-17 ก.ย. 2568 คาดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกของปีนี้ที่ 0.25% อยู่ที่ 4.00-4.25% หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแรงลง โดยเฟดจะมีการเปิดเผยประมาณการเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และ Dot Plot มีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเพิ่มประมาณการการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปี 2569
นอกจากนี้เฟดยังมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม 1 ครั้งใน 2 การประชุมที่เหลือของปีนี้ ต.ค. และ ธ.ค. คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้ความท้าทายมากขึ้น ในการชั่งน้ำหนักความเสี่ยงด้านตลาดแรงงาน และเงินเฟ้อจากผลกระทบของการปรับขึ้นภาษีที่จะชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ดี จังหวะการปรับลดดอกเบี้ยคงขึ้นอยู่กับตัวเลขตลาดแรงงานและเงินเฟ้อที่ออกมาเป็นสำคัญ หากตลาดแรงงานอ่อนแรงลงเร็วกว่าคาด และเงินเฟ้อไม่ได้เร่งสูงขึ้นเร็ว โอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องทั้ง 2 การประชุมที่เหลือในปีนี้มีมากขึ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า เฟดมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ แต่ให้ติดตาม Dot plot จากเฟด ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งตลาดคาดเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และ 2 ครั้งในปี 2569 บนคาดหวังมากกว่าที่เฟดเคยบอกไว้เดิมเมื่อเดือนมิ.ย. เฟดคาดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และ 2 ครั้งในปี 2569 หาก Dot plot ออกมาตามเดิม อาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง อย่างไรก็ดี คิดว่าคงจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วอย่างที่ตลาดมอง
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของสหรัฐฯลงมาแถว 4% ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ดีต่อหุ้น แต่ถ้า Bond yield กระตุกขึ้นก็จะมีผลกระทบต่อหุ้นเหมือนกัน ตอนนี้รอลุ้นดัชนีฯยืนเหนือ 1,300 จุดให้ได้ก่อน หากผ่านได้จะมีด่านถัดไปที่ 1,320 จุด ภาพตลาดยังเป็นลักษณะ Sideway ถึง Sideway up
ส่วนมุมมองหุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง เป็นกลุ่มไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า และหุ้นปันผลที่น่าสนใจลงทุน เลือกเล่นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แนะนำหุ้น TIDLOR ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนราคาเป้าหมาย, MTC ราคาเป้าหมาย 53 บาท, GPSC ราคาเป้าหมาย 49 บาท, GULF ราคาเป้าหมาย 58 บาท และ EGCO ราคาเป้าหมาย 132 บาท
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% แต่มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งหากเป็นจริงก็ไม่ได้สร้าง Surprise อะไร เพราะตลาดแรงงานสหรัฐฯไม่ค่อยดี อย่างไรก็ดีให้จับตา Dot plot จากเฟดด้วย ซึ่งมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ และปี 2569 คาดเฟดจะปรับลดถึง 4 ครั้ง หาก Dot plot ปี 2569 ออกมาลดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 4 ครั้ง จะต้องระวังแรงขายจากกลุ่มที่มีความเสี่ยงเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ถือว่าอันตราย จึงคาดว่าหลังวันที่ 16-17 ก.ย. อาจจะมีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาก่อน หลังจากที่ขึ้นไปมาก ซึ่งมองแนวต้านเต็มที่ไม่เกิน 1,330 จุด
“หลังเฟดประกาศปรับลดดอกเบี้ยจริง Dot plot ก็ยังเยอะอยู่ จึงมีโอกาสที่จะเกิดแรงขาย ดังนั้นหลังประชุม FOMC ไม่ใช่จังหวะไล่หุ้น”นายเบญจพลกล่าว
สำหรับคำแนะนำการเลือกเล่นหุ้น (Selective) มองกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง และเงินบาทแข็งค่า ซึ่งเป็นหุ้นที่มีหนี้สูง เช่นกลุ่มโรงไฟฟ้า แนะนำหุ้น BGRIM ราคาเป้าหมาย 18 บาท, GPSC ราคาเป้าหมาย 45 บาท, BPP ราคาเป้าหมาย 9 บาท และ PTT ราคาเป้าหมาย 37 บาท
“หุ้นในกลุ่มการเงินจะไม่เล่นแล้ว เพราะมีโอกาสเกิด Sell on fact หลังประชุมเฟด เนื่องจากเล่นกันไปมากแล้ว”
บล.กรุงศรี แนะนำ”ซื้อ”หุ้น MTC ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 58 บาท และคงเป็น Top Pick ของกลุ่มสินเชื่ออุปโภคบริโภค เพราะคุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่ง, ได้ผลบวกจากดอกเบี้ยขาลง, คาดผลประกอบการไตรมาส 3 และปี 2568 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง รวมทั้งได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐและการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นครั้งใหม่
เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา บล.กรุงศรีเห็นเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นประเทศเอเชีย เกาหลีใต้ ซื้อสุทธิ +1,169.2 ล้านเหรียญ (wtd +3,038 ล้านเหรียญ) ไต้หวัน + 875 ล้านเหรียญ(wtd +4,696 ล้านเหรียญ) ฟิลิปปินส์ +5.1 ล้านเหรียญ (wtd -2.5 ล้านเหรีญ) จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะมีทิศทางเดียวกัน กลยุทธ์เน้นหุ้น Big cap ที่มีปัจจัยบวกทั้งกลุ่ม Domestic Play ที่มีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ เน้น CPALL , CPAXT กลุ่ม Anti Involution PTTGC, IVL
กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดพันธบัตร ซื้อสุทธิ 2.79 พันล้านบาท (อายุสั้น +1.153 พันล้านบาท อายุยาว 1.64 พันล้านบาท) ตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ต่างชาติซื้อสุทธิ 8.04 พันล้านบาท คาดมีโอกาสที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยวันที่ 12 ก.ย.68 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,293.62 จุด เพิ่มขึ้น 5.59 จุด หรือ +0.43% มูลค่าซื้อขาย 38,576.94 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,299.19 จุด ต่ำสุด 1,289.31 จุด นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 764.44 ล้านบาท ขาย TFEX 12,213 สัญญา และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 191.38 บาท ส่วนสถาบันไทย 754.02 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 201.80 ล้านบาท
