BGRIM 117 ปีทรานส์ฟอร์มไม่หยุด! “พลังงาน–ดิจิทัล”เติมรายได้โตยั่งยืน

HoonSmart.com>>บี.กริม เพาเวอร์ 117 ปี ยังทรานส์ฟอร์มต่อเนื่อง ต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาด สู่การลงทุนไฮเปอร์ดาต้าเซ็นเตอร์ วางรากฐานสู่โครงสร้างพื้นฐานด้านไอที IasS ร่วมหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย สร้างการเติบโตด้านรายได้อย่างยั่งยืน 

บริษัท บี.กริมเพาเวอร์ (BGRIM) หนึ่งใน Story Telling อีกแห่งหนึ่งของตลาดหุ้นไทย ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ การเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไทย-พลังงาน สู่ธุรกิจดิจิทัล จากอดีตถึงปัจจุบันรวม 117 ปี ในงานเสวนาหัวข้อ Reinventing Industries-Forum Traditional to Innovation-Driven Growth ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิช รองผู้จัดการใหญ่ Corporate Strategy and Innovation Division ธนาคารกสิกรไทย

นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศไทยและโซลูชั่นธุรกิจอุตสาหกรรม บริษัท บี.กริมเพาเวอร์ (BGRIM) กล่าวว่า ตลอด 117 ปีในไทย ได้ร่วมกับทางภาครัฐ ภาคเอกชน ในการพัฒนาอุตสาหกรรม เพื่อตอบโจทย์ประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ประเทศต้องการผลิตยาสมัยใหม่จากเดิมที่ผลิตยาสมุนไพรซึ่งทางบริษัทเป็นผู้นำเข้ายารายแรก

ถึงยุคปัจจุบัน ที่ประเทศและสังคมต้องการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่มีคุณภาพและสะอาด ทางบริษัทฯมีการลงทุนพลังงานทั้งในไทย เวียดนาม และล่าสุดในเกาหลีใต้ ที่มีการลงทุนโครงการ พลังงานลมทะเล (Offshore Wind Farm) ขนาดกว่า 3,000 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก

ควบคู่กับการทรานส์ฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัล ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น SCGC และ REPCO NEX ในการพัฒนา Digital Twin และ Predictive Analytics System สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความเสถียรของระบบไฟฟ้า

ล่าสุด ต่อยอดสู่การนำดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาอุสาหกรรม และพัฒนาประเทศ ในเรื่องของการใช้เอไอ และคอมพิวติ้ง จึงได้ทำการลงทุนศูนย์ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Hyperscale Data Center ในประเทศไทยที่ใหญ่ที่สุด ที่เริ่มทำการก่อสร้างไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อวางรากฐานสู่โครงสร้างพื้นฐาน  Digital Infrastructure as a Service (IasS) ที่จะหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยในอนาคต

ด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน บริษัทฯ ถือเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนา พันธบัตรสีเขียว (Green Bond) ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2017 ร่วมกับ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางการเงินได้ต่ำกว่าตลาดกว่า 2.2% ล่าสุดได้ต่อยอดสู่การออก พันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bond) เพื่อนำเงินลงทุนพลังงานหมุนเวียนในทะเลเกาหลีใต้

“8 ปีที่ก่อน เรามีการพัฒนาพลังงานทดแทนขึ้น และมีโครงการที่เกี่ยวกับความยั่งยืนเกิดขึ้นมากมายแต่ยังไม่มีเครื่องมือทางการเงิน จึงได้ร่วมกับ ADB พัฒนาตราสารหนี้สีเขียวออกมาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย”นายนพเดช กล่าว

นายนพเดช กล่าวว่า การพัฒนาตราสารหนี้สีเขียวเกิด 2 ต้นทุน หนึ่ง ต้นทุนด้านค่าใช้จ่าย ต้องว่าจ้างที่ปรึกษา ว่าจ้าง บุคคลที่ 3 ในการเข้ามาให้การรับรอง การพัฒนาระบบตรวจสอบ

สอง ต้นทุนในเรื่องของการจ้างคน ต้นทุนในเรื่องของเอกสารในการจัดการกระบวนการต่างๆ ที่ต้องทำให้สอดคล้องกับมาตรฐานของการ Certification ทุกๆ ปี จนถึงปัจจุบัน

“แต่ความคุ้มค่า ทำให้เกิดการพัฒนาตลาด ทำให้ต้นทุนการออกพันธบัตรสีเขียวต่ำกว่า นำไปสู่โปรเจ็คไฟแนนซ์ในปัจจุบัน สิ่งที่เราพัฒนานั้น มีประโยชน์ต่อสังคม ต่อประเทศ ต่อผู้บริโภค และต่อตัวเราเองในที่สุด “นายนพเดช กล่าวว่า

นายนพเดช กล่าวว่า บริษัทยังพัฒนา Innovation Studio ภายในองค์กร เพื่อเปิดพื้นที่ให้พนักงานและพันธมิตรเสนอแนวคิดนวัตกรรมหลายร้อยหลายพันไอเดีย ก่อนคัดกรองมาพัฒนาเป็นโครงการจริง เช่น การพัฒนา Data Center ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นตัวอย่างชัดเจนของการเปลี่ยนจาก “ไอเดีย”หลักพันไอเดีย สู่ Business Case ที่สามารถแข่งขันได้จริงในตลาด

ทำให้องค์กร Simplify มีความเป็นลีน ด้านการจัดการ และการบริหาร เป็นการสะท้อนว่าสิ่งที่ลงทุนไปนั้น ไม่ได้สร้างผลลัพธ์ให้เฉพาะองค์กร แต่ยังสร้างคุณค่าให้สังคม ประเทศ และผู้บริโภคในระยะยาว

อ่านข่าวอื่นๆ : https://hoonsmart.com/archives/376415