HoonSmart.com>>”บี.กริม เพาเวอร์” (BGRIM)ขึ้นเด่น นักวิเคราะห์เชียร์ซื้อ บล.กรุงศรีอัพเป้าราคาเป็น 16 บาท เพิ่มประมาณการกำไรปี 68-70 เฉลี่ย 23% หนุนเติบโตเฉลี่ย 20% CAGR ส่วนต่างค่าไฟเทียบกับราคาก๊าซ (Spark Spread) ดีขึ้น บล.กสิกรไทย เพิ่มมูลค่าเหมาะสมเป็น 15 บาท หลังรวมโซลาร์ฟาร์มในเวียดนามและธุรกิจ data center เขย่งกำไรปี68 ขึ้น 4% เป็น 2,300 ล้านบาท ปีหน้า 10% เป็น 2,700 ล้านบาท
หุ้นบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ปรับตัวขึ้นโดดเด่น ราคาปิดที่ 14.30 บาท บวก 0.80 บาทหรือ +5.93% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 602.99 ล้านบาท วันที่ 10 ก.ย. 2568
บล.กรุงศรี มีมุมมองบวกเพิ่มขึ้นต่อ BGRIM เนื่องจากมองการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากการลดค่าไฟโดยตรงมาสู่การลดค่าไฟผ่านการปรับโครงสร้างก๊าซ และการสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปครัวเรือนเป็นจุดฟื้นตัว คาดความเสี่ยงด้านค่าไฟที่ลดลงพร้อมกับราคาก๊าซ ช่วยหนุนส่วนต่างระหว่างค่าไฟฟ้าเทียบกับราคาก๊าซ (Spark Spread) ดีขึ้นเป็น 1.29 – 1.41 บาท/หน่วย ในปี 2568-2570 ทำให้ได้ประโยชน์จากการมีสัดส่วนขายไฟ IU สูงที่ 25%
นอกจากนี้ การเริ่ม COD โครงการขนาดใหญ่ อาทิ ARECO โซล่าร์ในฟิลิปปินส์ ขนาด 65 MW และคาดการทำ Partial COD โครงการลม Nakwol1 ในเกาหลีใต้ ขนาด 100 MW สิ้นปี 2568 ได้ตามแผนการ พร้อมปรับประมาณการปี 2568-2570 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 23% ส่งผลให้กำไรเติบโตเฉลี่ย 20% CAGR
นอกจากนี้ได้ปรับคำแนะนำเป็น”ซื้อ” จากเดิม Neutral บนราคาเป้าหมายใหม่ 16 บาท อิง SOTP โดยรวมการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายทำให้ความเสี่ยงที่ BGRIM เคยมีลดลง ขณะที่ประเด็นการปรับลดค่าไฟของ EVN ในเวียดนามถูกรวมอยู่ในประมาณการแล้ว ส่งผลให้มี Downside จำกัด
บล.กสิกรไทย แนะนำ”ซื้อ”หุ้น BGRIM ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 15 บาท เนื่องจากได้นํามูลค่าของโซลาร์ฟาร์มในเวียดนามและธุรกิจ data center กลับมารวมไว้ในราคาเป้าหมายอีกครั้ง
แนวโน้มครึ่งหลังของปี 2568 คาดว่า BGRIM จะมีอัตรากําไรขยายตัวในเชิงบวก ส่วนใหญ่มาจากโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น ณ ปัจจุบัน มีกําลังการผลิตติดตั้ง 2.6 GWe ซึ่งโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่นที่ใช้ก๊าซธรรมชาติคิดเป็นประมาณ 2/3 ของกําลังการผลิตทั้งหมด ขณะที่ในเดือน ก.ค. ราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลงมาอยู่ที่ต่ำกว่า 280 บาท/ mmBTU เล็กน้อย คิดเป็นลดลง 7% QoQ เมื่อเทียบกับราคาไฟฟ้าที่ลดลง 1%
ดังนั้นคาดว่าอัตรากําไรขั้นต้น (GPM) จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 19-20% หลังจากส่วนต่างระหว่างค่าไฟฟ้าเทียบกับราคาก๊าซ (Spark Spread) ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2568 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้กําไรปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2568 ที่บริษัทมีการจ่ายราคาก๊าซย้อนหลัง
พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 2568 ขึ้น 4% เป็น 2,300 ล้านบาท และปี 2569 ปรับขึ้น 10% เป็น 2,700 ล้านบาท โดยพิจารณาจาก 1. ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทในเครือ และกิจการร่วมค้า (JV) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.แนวโน้มอัตรากำไรที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซในปี 2569
