HoonSmart.com>>เงินเฟ้อเดือนส.ค.หดตัว -0.79% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 คาดเดือนก.ย.ลดลงต่อ รวมไตรมาส 3 คาด -0.66% ไตรมาส 4 ฟื้นตัว เตรียมปรับประมาณการ คาดทั้งปีใกล้ 0% ตลาดติดตามอัตราเงินเฟ้อหากหดตัวนาน สร้างแรงกดดันให้กนง.พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็นปัจจัยบวกตลาดหุ้น และบริษัทที่มีภาระหนี้สูง กลุ่มไฟฟ้า กลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ กลุ่มไฟแนนซ์
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน ส.ค.2568 อยู่ที่ 100.14 ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน -0.79% (YoY) ขณะที่ตลาดคาด -0.7 ถึง -0.8% โดยอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5
ปัจจัยสำคัญมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด และไข่ไก่ เนื่องจากอุปทานในตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลงจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลก และค่ากระแสไฟฟ้าจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองของภาครัฐ
น.ส.ณัฐิยา สุจินดา รองผู้อำนวยการ สนค.กล่าวว่า เงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ดีกว่าในช่วงวิกฤตโควิด-19 เงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องมากถึง 13 เดือน รวมเงินเฟ้อเฉลี่ย 8 เดือน(ม.ค.-ส.ค.2568) ขยายตัว 0.08%
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ส.ค. อยู่ที่ 101.51 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.81% รวมเฉลี่ย 8 เดือนแรกปีนี้สูงขึ้น 0.94%
แนวโน้มเงินเฟ้อในเดือน ก.ย.อาจปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่
1.ภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2568 อยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่ากระแสไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย
2.ราคาผักสดและผลไม้สดต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น
3.การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และสภาวะการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูง
“ในไตรมาสที่ 3 เงินเฟ้อจะอยู่ที่ -0.66% ส่วนไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ -0.24% คาดว่าทั้งปีจะใกล้ระดับ 0% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 0-1% ค่ากลางอยู่ที่ 0.5%”
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารที่สูงกว่าปีก่อน เช่น เนื้อสุกร มะขามเปียก กะทิสำเร็จรูป กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่คงต้องติดตามคือ ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกอาจมีความผันผวนจากสถานการณ์ที่ยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย ส่งผลกระทบต่ออุปทานของตลาดโลก
ทางด้านตลาดหุ้นจับตาอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. และแนวโน้ม หากยังคงหดตัวต่อเนื่อง มีโอกาสที่กนง.จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น และกลุ่มที่มีภาระหนี้สูง เช่น ไฟฟ้า สื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ กลุ่มการเงิน ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นโดยรวม
