‘NER’ Q2/68 กำไร 554 ล้านบ.รายได้โต 30 % ปันผลครึ่งปี 0.05 บ./หุ้น

HoonSmart.com>> NER ประกาศผลงานไตรมาส 2/68 กำไรสุทธิ 554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.72% ปริมาณขาย 111,883 ตัน เพิ่มขึ้น 21,432 ตัน หรือ 23.69%  รายได้จากการขายรวม 7,584.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,775.35 ล้านบาท หรือ 30.56%  ครึ่งปีกำไรสุทธิ 1,162.83  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.72% จ่ายปันผลระหว่างกาล  0.05 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 22 ส.ค.68  รวมเป็นเงิน 92.39 ล้านบาท ครึ่งปีหลังออเดอร์ทะลัก มั่นใจทั้งปี 68 เข้าเป้า 500,000 ตัน หรือ 34,000 ล้านบาท

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER)  ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ยางผสม และสินค้าปลายน้ำแผ่นยางพาราปูพื้นคุณภาพสูง เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2568ว่ามีกำไรสุทธิ 554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.25 ล้านบาท หรือ 15.72% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 

บริษัทฯมีปริมาณขาย 111,883 ตัน เพิ่มขึ้น 21,432 ตัน หรือ  23.69%  รายได้จากการขายรวม 7,584.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,775.35 ล้านบาท หรือ 30.56%โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 6,087.80 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 80.27% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 1,373.17 ล้านบาท หรือ 29.13% และรายได้จากการขายต่างประเทศ 1,496.76 ล้านบาท สัดส่วน  19.73% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 402.18 ล้านบาท หรือ  36.74%   

สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ  1,162.83  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230.47 ล้านบาท หรือ 24.72% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.14%ของรายได้จากการขายรวม โดยมีปริมาณขาย 238,973 ตัน เพิ่มขึ้น 33,903 ตัน หรือ 16.53% รายได้จากการขายรวม 16,282.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,931.51 ล้านบาท หรือ 31.83% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 12,165.26 ล้านบาท  สัดส่วน 74.71% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 2,581.06 ล้านบาท หรือ 26.93%   รายได้จากการขายต่างประเทศ 4,117.33 ล้านบาท หรือ  25.29% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 1,350.45 ล้านบาท หรือ  48.81%

ด้านคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปีนี้ ในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 92.39 ล้านบาท โดยจะขึ้น XD  วันที่ 22 ส.ค.และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 ก.ย.2568

นายชูวิทย์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังว่ามีแนวโน้มดี เนื่องจากปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้า 3-6 เดือนครอบคลุมถึงไตรมาส 4 มั่นใจว่าในปี 2568 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 500,000 ตัน หรือประมาณ 34,000 ล้านบาท และยังมีปัจจัยหนุนความต้องการยางพาราในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย หลังโรงงานผลิตยางรถยนต์ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย NER ได้ปรับสัดส่วนการส่งสินค้าไปยังโรงงานในประเทศอยู่ที่ 70% และส่งออก 30% ไปยังประเทศญี่ปุ่น จีน และอินเดีย เพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน