ดาวโจนส์ลบ 204 จุด ผิดหวังผลประกอบการ จับตาประชุมเฟด

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง ดัชนีดาวโจนส์ติดลบ 0.46% นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทบางส่วน เตรียมรับมือกับการตัดสินใจเรื่องของเฟดในวันพุธ  ส่วนใหญ่คาดการณ์คงอัตราดอกเบี้ย การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 29 ก.ค. 2568 ปิดที่ 44,632.99 จุด ลดลง 204.57 จุด หรือ -0.46% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทบางส่วน ขณะเดียวกันก็เตรียมรับมือกับการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในวันพุธ และการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,370.86 จุด ลดลง 18.91 จุด, -0.30%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,098.29 จุด ลดลง 80.29 จุด, -0.38%

ดัชนี S&P 500 ร่วงลงในช่วงบ่ายและถอยกลับจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ UnitedHealth, Boeing และ UPS มีผลต่อความเชื่อมั่นก่อนการตัดสินใจด้านนโยบายของเฟด นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของกลุ่มเฮลธ์แคร์ กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย

นักลงทุนยังคงระมัดระวัง เนื่องจากสถานการณ์ภาษีศุลกากรที่เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับแนวโน้มเศรษฐกิจ

หุ้น UnitedHealth ร่วงลง 5.3% หลังจากคาดการณ์กำไรที่น่าผิดหวัง ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์โดยรวมลดลง 0.6% ขณะที่หุ้น Merck ลดลงกว่า 3%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมตามมาติดๆ โดยลดลง 1.2% ขณะที่หุ้น Boeing ลดลง 3.7% แม้จะขาดทุนน้อยลง หุ้น UPS และ Stanley Black & Decker ที่ลดลง 9% และเกือบ 8% ตามลำดับจากผลประกอบการที่อ่อนแอ ก็มีผลให้หุ้นกลุ่มนี้ฉุดดัชนีลง

หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง 0.7% โดยได้รับผลกระทบจากหุ้น Whirlpool ที่ร่วงลง 10.8% ซึ่งปรับลดเงินปันผลและคาดการณ์รายปีลงเนื่องจากแรงกดดันด้านภาษีศุลกากร

สัปดาห์นี้เป็นช่วงสำคัญสำหรับผลประกอบการ โดยบริษัทกลุ่ม “Magnificent Seven” ได้แก่ Meta Platforms, Microsoft, Appleและ Amazon จะรายงานผลประกอบการในวันพุธและพฤหัสบดี

ขณะนี้ มีบริษัทในดัชนี S&P 500 จำนวน 199 แห่งที่รายงานผลประกอบการรายไตรมาสแล้ว และเกือบ 82% มีรายได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตามข้อมูลของ FactSet

การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของเฟดในวันพุธก็ส่งผลต่อตลาดเช่นกัน โดยส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับ 4.25% ถึง 4.5%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ คือ ผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนมิ.ย.จากสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงาน โดยตัวเลขเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 275,000 ตำแหน่ง มาที่ 7.437 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่า 7.50 ล้านตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

นักลงทุนยังกังวลต่อเส้นตายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันศุกร์นี้ ซึ่งกำหนดให้คู่ค้าต้องบรรลุข้อตกลง มิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับอัตราภาษีศุลกากรแบบเหมารวม ในวันอังคาร เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ได้แจ้งต่อผู้สื่อข่าวในกรุงสตอกโฮล์มว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการขยายเวลาการสงบศึกด้านภาษีกับจีน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ เสนอให้ขยายเวลาการระงับการระงับภาษีศุลกากรออกไปอีก 90 วัน โดยประเด็นที่ยังเหลือเป็นประเด็นย่อยและส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับคณะผู้แทนจีน

ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งการจ้างงานภาคเอกชนเดือนกรกฎาคมจาก ADP, ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ปีนี้, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิถุนายน และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคม

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและการป้องกันประเทศ แม้ว่าหุ้นเดนมาร์กจะร่วงลงมากที่สุดภายในวันเดียวของปีนี้ก็ตาม จากการร่วงลงของหุ้น Novo Nordisk บริษัทผลิตยาลดน้ำหนักหลังจากที่ออกคำเตือนเรื่องกำไร
นักลงทุนขานรับการประกาศผลประกอบการจำนวนมากจากภูมิภาค ขณะที่รอการประกาศนโยบายการเงินจากธนาคารกลางชั้นนำบางแห่ง รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)

แม้ผู้นำระดับสูงของยุโรปบางคนจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับกรอบการค้าที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปตกลงกันไว้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้น โดยเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ความสนใจของนักลงทุนหันไปที่การประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่สองของทั้งโซนยูโรและสหรัฐฯ ในวันพุธ ตามมาด้วยการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของเฟด และรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันศุกร์

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 550.36 จุด เพิ่มขึ้น 1.60 จุด, +0.29%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,136.32 จุด เพิ่มขึ้น 54.88 จุด, +0.60%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,857.36 จุด เพิ่มขึ้น 56.48 จุด, +0.72%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,217.37 จุด เพิ่มขึ้น 247.01 จุด, +1.03%

หุ้น Novo Nordisk ผู้ผลิตยาลดความอ้วน Wegovy ทำสถิติลดลงภายในวันเดียวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 23% ส่งผลให้มูลค่าตลาดลดลงไปประมาณ 57,500 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของยอดขายในปี 2025 และแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ เนื่องจากบริษัทกำลังต่อสู้กับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดยารักษาโรคอ้วน

การลดลงของ Novo Nordisk ส่งผลให้ดัชนี Copenhagen OMX ของเดนมาร์ก ลดลง 11.9% ขณะที่กลุ่มเภสัชกรรมในดัชนี STOXX ลดลง 1.6%

กลุ่มธนาคาร เพิ่มขึ้น 1.7% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2008 เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังผลกำไรที่เพิ่มขึ้นและความแข็งแกร่งของกลุ่มที่แทบไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากร

นักวิเคราะห์กล่าวว่าภาพรวมของรายได้บริษัทจดทะเบียนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้ลงนามข้อตกลงลดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ลงเหลือ 15% เมื่อต้นสัปดาห์นี้ และขณะนี้คาดการณ์ว่ารายได้ไตรมาสที่สองของบริษัทในยุโรปจะเติบโต 1.8% เมื่อเทียบกับการลดลง 0.3% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ตามข้อมูลของ LSEG I/B/E/S

หุ้นกลุ่มอากาศยานและป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 2.2% หลังจากร่วงลงติดต่อกันสามวัน

ข้อตกลงการค้ากรอบใหม่กำหนดภาษีนำเข้าเครื่องบินและชิ้นส่วนในอัตราศูนย์ต่อศูนย์ หุ้น Airbus และ Safran SA เพิ่มขึ้น 1.7% และ 2.1% ตามลำดับ

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.50 ดอลลาร์ หรือ 3.75% ปิดที่ 69.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.47 ดอลลาร์ หรือ 3.53% ปิดที่ 72.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–

29 กค

หุ้นปิดพุ่ง 16.53 จุด พลังงาน-ปิโตรเคมีขึ้นเด่น ต่างชาติซื้อ 3.38 พันลบ.

UOBAM : สัปดาห์นี้จับตาผลประกอบการบิ๊กเทค “ประชุม FED-BOJ” ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ

SCGP ครึ่งปีแรกกำไร 1,910 ลบ.จ่อปิดดีล M&P-ปีนี้ EBITDA ใกล้เป้า 1.8 หมื่นล้านบ.