HoonSmart.com>> บล.ดาโอ คาดดัชนีผันผวนจากปัจจัยใหม่ “กัมพูชา” – คาดรู้ผลเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เป็นได้ทั้งบวกและลบ วางกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1,200-1,230 จุด แนะระมัดระวังลงทุนหุ้นที่ประกอบธุรกิจในกัมพูชา รวมถึงธุรกิจที่อยู่จังหวัดชายแดน “หุ้นโรงพยาบาล นิคมฯ และ ธุรกิจผลิตน้ำมัน (PTTEP)” อาจเสียโอกาสผลิตน้ำมันในเขตทับซ้อน หุ้นเด่น GULF, SCC, CRC, GLOBAL, SCB
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ เผยตลาดหุ้นไทย จะกลับมาซื้อขายท่ามกลางความกังวลในเรื่องกัมพูชา แม้ปัจจัยชี้นำตลาดตัวหลัก ยังเป็นผลการเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐฯ และผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนและอียู และมีการเข้ามาเก็งงบ 2Q คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ไว้ที่ 1,200-1,230 จุด
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้จะหยุดยิง แต่หากมีการกลับมายิงกันต่อ(ในอนาคต) จนกระทั่งกระทบกับการเมืองประเทศไทย จะส่งผลบมากต่อความมั่นคงของรัฐบาลและประเทศ … นักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนหุ้นที่ประกอบธุรกิจในกัมพูชา รวมถึงธุรกิจที่อยู่จังหวัดชายแดน อาทิหุ้นโรงพยาบาล นิคมฯ และ ธุรกิจผลิตน้ำมัน (PTTEP) ที่อาจเสียโอกาสในการผลิตน้ำมันในเขตทับซ้อน
ผลการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ จะได้เห็นเงื่อนไขและตัว Tariffs ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนเส้นตายบังคับใช้ 1 ส.ค. ทีมไทยแลนด์เข้าหารือกับกับ USTR อีกครั้งเมื่อคืนศุกร์ที่ผ่านมา ถ้าผลการเจรจาออกมาดูดี คาดไทยจะได้ข้อตกลงอัตราภาษีที่พอๆ กับฟิลิปปินส์ อินโดฯ เวียดนาม (19-20%)
นอกจากนี้ติดตามความคืบหน้าคดีการบังคับใช้ภาษีนำเข้าทั่วโลกของทรัมป์ จะมีความผิดหรือไม่ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เตรียมนัดไต่สวนคดี 31 ก.ค.นี้ โดยคาดศาลฯ จะมีคำตัดสินช่วงเดือนส.ค. เป็นต้นไป การบังคับใช้ถาษี 1 ส.ค.นี้จะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าคำตัดสินของศาลฯ จะออกมาว่ามีความผิด จึงจะมีการยกเลิกถาษีดังกล่าวได้
สัปดาห์นี้จะมีการประชุม FOMC ในวันที่ 29-30 ก.ค. คาด Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% โดยจาก Dot Plot ในการประชุมเดือน มิ.ย. ชี้ให้เห็นว่ากรรมการ Fed มองดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมของปีนี้ควรอยู่ในช่วง 3.75-4.00% หลังการประชุมนี้ Fed จะเหลือการประชุมอีก 3 ครั้ง (16-17 ก.ย., 28-29 ต.ค., 9-10 ธ.ค.) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% อาจเกิดขึ้นในการประชุมครั้งเดียวหรือ 2 ครั้งภายในปีนี้
นอกจากนี้ 31 ก.ค.นี้ วันสุดท้ายการส่งคำชี้แจงคดีคลิปเสียงฮุน เซน ของนายกฯ หลังจากขอเลื่อนมาประมาณ 15 วัน หลังส่งคำชี้แจงแล้ว คาดผลการตัดสินของศาลฯ จะออกช่วงกลางเดือนส.ค. พร้อมๆ กับคดี ม.112 และคดี รพ. ตำรวจชั้น 14 ของนายทักษิณ ตลาดหุ้นจะกลับมาถูกกดดันอีกครั้งในช่วงที่ศาลฯ ตัดสินคดีสำคัญเหล่านี้
สัปดาห์นี้จะมีการประกาศงบฯ ของหุ้นกลุ่ม SCC, SCGP รวมถึง GLOBAL, HMPRO, BH, ITC
ปัจจัยสัปดาห์นี้ : GDP 2Q/25 ของสหรัฐฯ(30), การประชุม FOMC(29-30), การประชุม BOJ(30-31), PMI จีน เดือน ก.ค.(31), PCE สหรัฐฯ เดือนมิ.ย.(31), ตัวเลขเคลมการว่างงานสหรัฐฯ(31), การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ(1), อัตราว่างงานสหรัฐฯ(1)
กลยุทธ์ เน้นการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวไปก่อน อาทิ เก็งงบ เก็งเงินปันผล หรือหุ้นที่ได้อานิสงค์จาก Flow ไหลกลับเข้าตลาด อาทิ BDMS, BH และหุ้นกลุ่มธนาคาร
สถานการณ์แนวชายแดนกัมพูชา ยังมีความเสี่ยงให้เห็น อาจต้องระวังการลงทุนหุ้นที่อิงรายได้จากประเทศนี้ รวมไปถึงหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และหุ้นที่มีรายได้จากจังหวัดแนวชายแดน (โรงพยาบาล, นิคมฯ)
หุ้นเด่น GULF, SCC, CRC, GLOBAL, SCB
หุ้นแนะนำตามสัญญาณเทคนิคหนุน : PTTGC, KCE ขณะที่ภาพรวมดัชนีวันนี้แนวรับ 1,208-1,213 จุด แนวต้าน 1,222-1,227 จุด
