HoonSmart.com>>ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2568 ว่าสหรัฐจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา 35% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นไป ขณะเดียวกันก็เล็งเก็บภาษีทั่วไป 15% หรือ 20%กับคู่ค้ารายอื่นๆเป็นส่วนใหญ่
ในวันพุธ (9 ก.ค. 2568) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งจดหมายกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 8 ประเทศ โดยจดหมายภาษีศุลกากรรอบใหม่ส่งถึงบราซิล ศรีลังกา แอลจีเรีย บรูไน อิรัก ลิเบีย มอลโดวา และฟิลิปปินส์
จดหมาย ระบุอัตราภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศ โดยแอลจีเรีย ศรีลังกา และอิรักถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 30% บรูไน ลิเบีย และมอลโดวา ถูกเก็บภาษี 25% และฟิลิปปินส์ถูกเก็บภาษี 20% อย่างไรก็ตาม บราซิลถูกเก็บภาษีศุลกากรสูงสุดในกลุ่มนี้ที่ 50%
สำนักงาน Census Bureau ซึ่งทำหน้าที่เก็บข้อมูลและสถิติต่างๆ ในสหรัฐฯรายงานว่า ปีที่แล้ว สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสินค้ามูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับศรีลังกา ขาดดุลการค้าสินค้ามูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับแอลจีเรีย ขาดดุลการค้าสินค้ามูลค่า 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับอิรัก ขาดดุลการค้าสินค้ามูลค่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับลิเบีย ขาดดุลการค้าสินค้ามูลค่า 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับฟิลิปปินส์ ขาดดุลการค้าสินค้ามูลค่า 111 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับบรูไน และขาดดุลการค้าสินค้ามูลค่า 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับมอลโดวา
สหรัฐฯ มีดุลการค้าเกินดุล 7.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับบราซิล โดยส่งออกสินค้าไปยังบราซิลมูลค่า 4.97 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่นำเข้าเพียง 4.23 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จดหมายที่ส่งออกใวันพุธเป็นชุดล่าสุดที่รัฐบาลทรัมป์ส่งถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ 25%
จนถึงขณะนี้ รัฐบาลทรัมป์บรรลุข้อตกลงการค้าเพียงสองฉบับเท่านั้น ซึ่งได้แก่กับสหราชอาณาจักรและเวียดนาม
โดยรวมอัตราภาษีสำหรับทั้ง 21 ประเทศเป้าหมายจนถึงขณะนี้อยู่ระหว่าง 20% ถึง 40% จดหมายระบุว่าสหรัฐฯ “อาจจะ” พิจารณาปรับระดับภาษีใหม่ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของสหรัฐฯกับแต่ละประเทศ
