HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด คาดดัชนียังถูกกดดันระหว่างรอผลการเจรจาของไทย วางแนวรับ 1,095 – 1,100 จุด ส่วนแนวต้าน 1,115 – 1,120 จุด ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500, Nasdaq ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ แนะนำพักเงินกลุ่มปลอดภัย-ปันผลสูง “ADVANC,CPALL,GULF,CKP,DIF,3BBIF,TISCO” เก็งกำไรกลุ่มเดินเรือ “PSL, PRM” หุ้นเด่นแนะ SCC, MOSHI
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,095 – 1,100 จุด แนวต้าน 1,115 – 1,120 จุด โดยดัชนียังถูกกดดันระหว่างรอผลการเจรจาของไทย เพื่อลดอัตราภาษีจากระดับ 36% ให้ใกล้เคียงประเทศคู่แข่งในอาเซียน แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัยและปันผลสูง เช่น ADVANC,CPALL,GULF,CKP,DIF,3BBIF,TISCO เก็งกำไรกลุ่มเดินเรือ PSL, PRM
สัปดาห์หน้าจะเข้าสู่ช่วงการรายงานงบ Q2/68 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจากข้อมูล Bloomberg Consensus คาดกำไร Q2/68 -10% QoQ, -3.9% YoY เป็นผลจากคาดการณ์สินเชื่อและ NIM มีแนวโน้มหดตัว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปิดวานนี้ DJIA +0.43%, S&P500 +0.27%, Nasdaq +0.09% ซึ่ง S&P500, Nasdaq ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ได้แรงหนุนจาก Market Cap.ของ Nvidia สูงกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก ได้ปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ของชิป Ai กอปรกับรายงาน Fed Minutes มิ.ย. คณะกรรมการส่วนใหญ่หนุนให้ลดดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากผลกระทบจาก มาตาการภาษีของทรัมป์ไม่มาก และเป็นปัจจัยชั่วคราว โดย CME Fed Watch ชี้มีโอกาส 63.9% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ใน ก.ย.
ส่วนมาตรการภาษีของทรัมป์นั้นได้ส่งจดหมายเรียกเก็บภาษีอีก 8 ประเทศ และเก็บภาษีบราซิลในอัตรา 50% รวมถึงภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% โดยจะมีผลในวันที่ 1 ส.ค. ขณะที่ประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ปธน.ทรัมป์ตั้งเป้าหมายจะเก็บภาษีในอัตรา 15 – 20% โดยจะส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีให้กับอียูและแคนาดาภายใน 1 – 2 วันนี้
ส่วนข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 5,000 ราย อยู่ที่ 227,000 ต่ำกว่าคาด 235,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.54% ได้แรงหนุนจากกลุ่มยานยนต์ +2%, เหมืองแร่ +3.2% และบริการสุขภาพ +1.8%
หุ้นเด่นแนะนำ SCC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 170.00 บาท) แนวโน้ม 2Q68 คาดผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นต่อจากปรับขึ้นราคาขายด้วยการลดส่วนลดทางการตลาดและได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่ลดลง ขณะที่อัตรากำไรของธุรกิจปิโตรเคมีดีขึ้นจากต้นทุน naphtha ที่ลดลงตามราคาน้ำมัน รวมถึง SCGP ที่ทยอยฟื้นตัว มีการบันทึกรายได้เงินปันผลตามฤดูกาล และกำไรพิเศษจากการเข้าซื้อกิจการในสิงคโปร์
นอกจากนี้มีประเด็นบวกจาก SCGC ขายหุ้น CAP 10% ส่งผลให้เปลี่ยนสถานะจากบริษัทร่วม เป็นเงินลงทุนระยะยาว ซึ่งทำให้มีกำไรพิเศษจากการประเมินมูลค่ายุติธรรม และกำไรจากการขายหุ้นเข้ามาอีก สอดคล้องกับแผนลดภาระทางการเงินของบริษัท ไม่ต้องรับส่วนแบ่งขาดทุนจาก CAP เข้ามาในงบ/รอรับเงินปันผลแทน และได้เงินสดกลับมาเสริมสภาพคล่อง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 8 พันล้านบาท +26%YoY และ 1.2 หมื่นล้านบาท +52%YoY
หุ้น MOSHI (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 52.30 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 156 ลบ. (+24%YoY, -24%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ YoY ยังเป็นบวกได้ดี มีแรงหนุนจาก SSSG +7.9% และจำนวนสาขาสูงขึ้น(1Q68 เปิดเพิ่ม 6 สาขา/ เป็น Standalone Pilot แบบ Big Size 1สาขา)
ส่วน 2Q68 ยังดูเป็นภาพที่ดี YoY จากฐานต่ำปีก่อน สินค้าเด่นใหม่ๆ เช่น Moshi Moshi x aespa ที่เป็นสินค้า K-Pop โดยทาง MOSHI* เองวางเป้ารายได้ปี68 เติบโต 15-20%/ เป้า SSSG บวก 3-5%/ วางแผนเปิดสาขาใหม่ 40 สาขา ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิของ MOSHI ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 644 ล้านบาท (+24%YoY) และ 751 ล้านบาท (+17%YoY)
———————————————————————————————————————————————————–

