IAAหั่นเป้า SET ลง 91 จุดเหลือ 1231 ผันผวนสูงสุด Q3 ถือเงินสด 40%

HoonSmart.com>> การเมืองลดทอนมูลค่าตลาดทุน สมาคมนักวิเคราะห์หั่นเป้า SET ลงอีก 91 จุด เหลือ 1,231 จุดในสิ้นปี กำไร บจ.หาย 4.60 บาทต่อหุ้น ฉุดจีดีพี 0.6% แนะกระจายพอร์ตลงทุน รับมือความผันผวนพุ่งปรี้ด Q3 เล่นสั้นทำกำไร ซุ่มทยอยเก็บช่วงปรับฐาน รอจังหวะฟื้น Q4  เชียร์ 4 หุ้นเด่น ADVANC-BDMS-CPALL-GULF  

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เปิดเผยผลสำรวจมุมมองการลงทุนไตรมาส 3 ปี 2568 จากนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 22 สำนัก พบแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยยังอ่อนแรงจากทั้งปัจจัยภายในและต่างประเทศ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับลดเป้าการเติบโตเศรษฐกิจ (GDP) และดัชนีตลาดหลักทรัพย์สิ้นปี พร้อมเสนอให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงอย่างรอบคอบ

หั่น GDP เหลือ 1.87% – SET 1,231 จุด

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ระบุว่า นักวิเคราะห์ใช้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ 68.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ประเมิน GDP ปี 2568 เหลือ 1.87% ลดลง 0.69% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ประเมินไว้ 2.56% โดยมีกรอบต่ำสุดที่ 1.4% และสูงสุด 2.4%

ขณะที่หั่นเป้าดัชนี SET Index ลง 91 จุด เหลือ 1,231 จุดในสิ้นปี ต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้าที่ 1,322 จุด ระหว่างทางคาดแกว่งตัวในกรอบ 1,023–1,267 จะทำให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ตลาดลดลง 4.6 บาท เหลือ 85.43 บาท จากเดิมคาดไว้ที่ 90.03 บาท และ EPS Growth เฉลี่ยอยู่ที่ 10.45%

การเมืองฉุดเชื่อมั่น

100% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่า การเมืองในประเทศ มีผลกระทบ ต่อการลงทุนมากที่สุด ตามด้วยภาวะเศรษฐกิจไทย 85.71% ด้านกระแสเงินทุนไหลออก (Fund Flows) และความขัดแย้งไทย–กัมพูชา 80.95%

นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องการเมืองโลก เศรษฐกิจโลก และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้

ปัจจัยที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษในไตรมาส 3 ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในประเทศ และทิศทางการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

กรอบดอกเบี้ย 1.25%–1.50%

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ 71% คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.50% ภายในสิ้นปี

อีก 29% คาดว่าอาจลดลงถึง 1.25% ไม่มีผู้ตอบใดที่คาดว่าดอกเบี้ยจะคงที่หรือปรับขึ้น โดย Risk Free Rate ที่ใช้ประเมินมูลค่าหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 2.22% ส่วน Risk Premium ตลาดหุ้นอยู่ที่ 7.74%

หลบภัยในหุ้นนอก-เทคโนโลยี

นักวิเคราะห์แนะนำให้นักลงทุนกระจายพอร์ตการลงทุน ให้ถือ เงินสด/เงินฝากระยะสั้น: 11.50% ถือกองทุนตราสารหนี้ 20.25% หุ้นต่างประเทศ/กองทุนหุ้นต่างประเทศ.33.50% หุ้นไทย/กองทุนหุ้นไทย 19% ทองคำหรือกองทุนทองคำ: 10.55% จากเดิม +3%  และ REIT หรือกองทุนอสังหาฯ 5.20%

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ แนะนำกองทุนตราสารหนี้สหรัฐฯ กลุ่ม AI–Technology และ Selective Asia เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย และเกาหลี โดย DR/DRx ที่แนะนำตรงกันมากกว่า 4 สำนัก ได้แก่ AAPL80, AMD80 และ NVDA80

4 หุ้นไทยที่แนะนำ – หลีกเลี่ยงกลุ่มเสี่ยง

หุ้นไทยที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันมากกว่า 6 สำนัก มี 4 บรืษัท ได้แก่

ADVANC จาก รายได้จากธุรกิจมือถือและอินเทอร์เน็ตเติบโตต่อเนื่อง หนุนด้วยธุรกิจ Data Center และการถ่ายทอดสดฟุตบอล

BDMS เป็นหุ้น Defensive play รับผลกระทบจากเศรษฐกิจต่ำ คาด Q2/68 เติบโตจากการกลับมาของโรคระบาด

CPALL ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นบริโภคของรัฐ

GULF จากผลประกอบการมั่นคงจากธุรกิจไฟฟ้า และการเติบโตในธุรกิจดิจิทัลร่วมกับ ADVANC

กลุ่มที่ควร หลีกเลี่ยง ได้แก่ หุ้นอิเล็กทรอนิกส์บางตัวที่ราคาสูงเกินพื้นฐาน หุ้นที่ถูกถ่วงจากการคำนวณดัชนี (Cap Weight) และบริษัทที่มีประเด็นด้านธรรมาภิบาล

แนะรัฐลงทุนธุรกิจอิมแพคสูง

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินนโยบายที่มีผลบวกต่อเศรษฐกิจอย่างคุ้มค่า ในโครงสร้างพื้นฐาน ,สนับสนุนอุตสาหกรรม New S-Curve และเทคโนโลยี,ลดภาษีนิติบุคคลและควบคุมการสวมสิทธิ์,ออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว,ควบคุมนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน,ส่งเสริมการศึกษา พัฒนาทักษะแรงงาน และมาตรการลดหย่อนภาษีให้ภาคประชาชน

“การประเมินล่าสุดสะท้อนถึงความกังวลของตลาดต่อความไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ นักลงทุนจำเป็นต้องปรับพอร์ตให้เหมาะสม และติดตามนโยบายภาครัฐอย่างใกล้ชิด” นายสมบัติ กล่าว

บัวหลวงแนะถือเงินสด-ตราสาร 40%

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐานสายงานวิจัย บล.บัวหลวง คาดว่าไตรมาส 3 ปีนี้ดัชนีหุ้นไทยจะตกอยู่ภายใต้ความผันผวนสูงที่สุดของปี จากปัจจัยภาษีการค้าสหรัฐและไทย ที่จะเห็นผลกระทบชัดเจนต่อการส่งออกในไตรมาส 3 การบริโภค การท่องเที่ยว ในขณะที่ตลาดหุ้นโลกจะมีการปรับฐาน และ<span;>ภาวะการเมืองภายในประเทศ จะฉุดหุ้นไทย จึงแนะนำนักลงทุนถือเงินสดและตราสารหนี้ 40% หุ้น 50% ทองคำ 10%

“ไตรมาส 3 ควรเล่นสั้น ขึ้นขาย ลงซื้อ ไม่ต้องถือยาว ค่อยๆ กลับเข้าไปทยอยสะสมช่วงปรับฐาน ในหุ้นปันผลกลุ่มธนาคาร บางแห่งปันผลเกิน 7% กลุ่มที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกที่น่าจะฟื้นตัวหลังลงมาเยอะ คือ กลุ่มปิโตรฯ ในช่วงไตรมาส 4 ที่คิดว่าจะฟื้น”นายพิริยพล กล่าว

นายพิริยพล กล่าวว่า ในส่วนหุ้น 50% แนะนำหุ้นต่างประเทศ 30-40% ในกลุ่มหุ้นเกี่ยวกับเอไอ ,กลุ่มพลังงานนิวเคลียร์ที่ซัพพอร์ตกลุ่มเอไอ และกลุ่มอุปกรณ์เทคโลโลยีที่ใช้ในการป้องกันประเทศจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้ง 3 กลุ่มนี้เป็นเมกะเทรนด์โลก

“สมัยนี้การลงทุนต่างประเทศ สามารถลงทุนผ่าน DR และ DRx ได้ สามารถใช้บัญชีหลักทรัพย์เทรดได้เลยโดยไม่ต้องเปิดบัญชีใหม่”นายพิริยพล กล่าว