บล.กสิกรฯมองหุ้นไม่หลุด 1,000 จุด สัปดาห์หน้าขึ้น-ลงตาม 5 ปัจจัย

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์หน้า แนวรับ 1,050 และ 1,020 จุด แนวต้าน 1,080 และ 1,100 จุด ตามลำดับ ติดตามประชุมกนง., นโยบายภาษีสหรัฐฯ
,สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง, การเมืองในประเทศ,ฟันด์โฟลว์ “ธนาคารกสิกรไทย” คาดค่าเงินบาทที่ระดับ 32.40-33.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับอ่อนค่าสุดรอบประมาณ 1 เดือนที่ 32.94 บาท นักลงทุนต่างชาติทิ้งหุ้นไทย 9,727 ล้านบาท และมีสถานะออกจากตลาดพันธบัตรไทย 13,248 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (23-27 มิ.ย.2568)  ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,050 และ 1,020 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,080 และ 1,100 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (25 มิ.ย.) ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง สถานการณ์การเมืองในประเทศรวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนมิ.ย. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 (final) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนมิ.ย. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนกำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ของจีน

ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นย่อตัวลง โดยมีข่าวลบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมถึงแรงขายหุ้นบริษัทผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานจากประเด็นคู่ค้าขอยกเลิกสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรี อย่างไรก็ดี แรงซื้อหุ้นบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งช่วยจำกัดช่วงลบของตลาดไว้ได้บางส่วน

ดัชนีหุ้นร่วงลงแรงอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาล หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ยังคงไม่คลี่คลายก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นภูมิภาคด้วยเช่นกัน โดยปัจจัยลบส่งผลให้เกิดแรงเทขายหุ้นทุกกลุ่ม อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นลดช่วงลบลงในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือนครึ่งที่ 1,066.02 จุด โดยหลักๆ มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์เข้ามาช่วยประคอง

ในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,067.63 จุด ลดลง 4.91% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 40,182.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.16% ส่วนดัชนี mai ลดลง 4.63% มาปิดที่ระดับ 226.15 จุด

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท สัปดาห์ระหว่างวันที่ 23-27 มิ.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหว ที่ระดับ 32.40-33.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่าสอดคล้องกับแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดที่ลากยาวต่อเนื่องระหว่างอิหร่านและอิสราเอล และสัญญาณจากประธานเฟดที่สะท้อนว่า เฟดอยู่ระหว่างรอประเมินผลกระทบจากภาษี และยังไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อและ dot plot ใหม่ของเฟด ยังบ่งชี้ว่า เฟดมีแนวโน้มลดจำนวนรอบของการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงในปีหน้า (แม้ผลการประชุมรอบนี้ เฟดจะมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% และ dot plot สะท้อนโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ตามเดิมก็ตาม)

ทั้งนี้ เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบประมาณ 1 เดือน (นับตั้งแต่ 22 พ.ค. 2568) ที่ 32.94 ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาตามภาพรวมสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ช่วงท้ายสัปดาห์ หลังมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจเลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการเข้าแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านออกไป

ในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.44 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (13 มิ.ย.)

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 16-20 มิ.ย. 2568 นั้น ขายสุทธิหุ้นไทย 9,727 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 13,248 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 1,609 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 11,638 ล้านบาท)