HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่งพากันพุ่ง ดาวโจนส์ปิดบวก 317 จุด ราคาน้ำมันลด หวังความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่านคลี่คลาย นักลงทุนยังรับรู้ข้อมูลการสำรวจภาคการผลิตที่อ่อนแอกว่าที่คาด ก่อนที่เฟดจะตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยในวันพุธ ตลาดคาดรอบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น ราคาน้ำมันดิบลดลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 16 มิ.ย. 2568 ปิดที่ 42,515.09 จุด เพิ่มขึ้น 317.30 จุด หรือ +0.75% เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองทางบวกว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอาจยังคงอยู่ในระดับที่จำกัด ขณะที่ราคาของน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจากความขัดแย้งได้ลดลง
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,033.11 จุด เพิ่มขึ้น 56.14 จุด, +0.94%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,701.21 จุด เพิ่มขึ้น 294.39 จุด, +1.52%
ตลาดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบวัน เนื่องจากมีความหวังอยู่บ้างว่าสถานการณ์จะไม่เลวร้ายลงและความขัดแย้งจะไม่ลุกลามกลายเป็นวิกฤตในระดับภูมิภาค หลังวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า อิหร่านอาจเต็มใจที่จะเริ่มเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์อีกครั้ง เพื่อพยายามคลี่คลายความขัดแย้งกับอิสราเอล
นอกจากนี้อิหร่านได้ขอให้หลายประเทศ รวมถึงซาอุดีอาระเบีย เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันอิสราเอลให้หยุดยิงทันที ตามรายงานของ NBC News โดยอ้างข้อมูลจากนักการทูตตะวันออกกลางที่ทราบสถานการณ์ดังกล่าว การหยุดยิงดังกล่าวจะแลกกับการที่อิหร่านจะยืดหยุ่นมากขึ้นในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ล่วงหน้าร่วงลงมากกว่า 1% เหลือ 71.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากซื้อขายสูงกว่า 77 ดอลลาร์ในช่วงข้ามคืน
หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศร่วงลง โดยหุ้น Lockheed Martin ร่วงลงเกือบ 4% หุ้นNorthrop Grumman ลดลงกว่า 3% หุ้น L3Harris Technologies ลดลง 2.7%
หุ้นกลุ่ม “Magnificent Seven” ทั้งหมดปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงซึ่งจูงใจให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุน หุ้น Tesla เพิ่มขึ้นกว่า 1% และหุ้น Meta Platforms เพิ่มขึ้นเกือบ 3% จากข่าวที่ว่า WhatsApp จะมีโฆษณา
นักลงทุนยังรับรู้ข้อมูลการสำรวจภาคการผลิตที่อ่อนแอกว่าที่คาดในช่วงเช้า ข้อมูลนี้เผยแพร่ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในวันพุธ
เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ประมาณ 100% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แม้ว่าทรัมป์จะกดดันให้เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางน่าจะยิ่งทำให้โอกาสที่เฟดจะผ่อนปรนนโยบายการเงินในเร็วๆ นี้ลดลงอีก
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นอื่นๆ หุ้น U.S. Steelพุ่งขึ้นกว่า 5% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อนุมัติการควบรวมกิจการกับบริษัท Nippon Steel ของญี่ปุ่น
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้วบางส่วน จากหุ้น Kering ที่พุ่งสูงขึ้น หลังจากที่บริษัทกลุ่มสินค้าหรูประกาศเปลี่ยนซีอีโอ และนักลงทุนหันเหความสนใจออกจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
ดัชนี STOXX 600 ปรับขึ้น จากที่ร่วงลงติดต่อกัน 5 วัน โดยหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่เป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.9%
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 546.91 จุด เพิ่มขึ้น 1.97 จุด, +0.36%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,875.22 จุด เพิ่มขึ้น 24.59 จุด, +0.28%ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,742.24 จุด เพิ่มขึ้น 57.56 จุด, +0.75%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,699.12 จุด เพิ่มขึ้น 182.89 จุด, +0.78%
หุ้น Kering บริษัทแม่ของ Gucci พุ่งขึ้น 11.8% อยู่ในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในดัชนี
STOXX หลังจากที่กลุ่มธุรกิจหรูประกาศว่าได้ตั้ง Luca de Meoas ผู้บริหารจาก Renault ให้ดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่
หุ้น Renault ผู้ผลิตรถยนต์ฝรั่งเศสลดลง 8.7% จากรายงานข่าวว่า Nissan มีแผนที่จะลดการถือหุ้นใน Renault
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวลง โดยหุ้น Novo Nordisk ร่วงลง 3.5%
อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยที่ตลาดกังวล เนื่องจากอิหร่านเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กดดันให้อิสราเอลหยุดยิง เนื่องจากเป็นหนทางเดียวที่จะยุติสงครามทางอากาศที่ดำเนินมา 4 วัน ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล กล่าวว่าประเทศของเขาอยู่ใน เส้นทางสู่ชัยชนะ เหนืออิหร่าน
นักลงทุนจับตาการประชุมของผู้นำจากประเทศกลุ่ม G-7 ซึ่งเริ่มขึ้นในรีสอร์ทของเมืองคานานาสกิสในเทือกเขาร็อกกี้แคนาดา รวมทั้งเกาะติดการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 1.21 ดอลลาร์ หรือ -1.66% ปิดที่ 71.77ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ -1.35% ปิดที่ 73.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–
