น้ำมันพุ่งหนุนพลังงานต้นน้ำ โรงกลั่นขาดทุนสต๊อกลดลง

HoonSmart.com>>บล.กรุงศรีวิเคราะห์มองความเสี่ยงในตะวันออกกลาง หนุนระยะสั้นกลุ่มต้นน้ำ PTTEP ได้ประโยชน์มาก
ที่สุด  ส่งผลกระทบปิโตรฯ-สถานีบริการ ยังคงแนะนำ PTG-BCP  ด้านกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันพุ่งแรง ลดขาดทุนสต๊อก  กรมธุรกิจพลังงาน ย้ำไทยมีสต็อกน้ำมันเพียงพอ 60 วัน

บล.กรุงศรีวิเคราะห์คาดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล (หนุนโดยสหรัฐอเมริกา) และอิหร่าน จะส่งให้เกิดความกังวล supply พลังงานโลกในระยะสั้น หนุนกลุ่มต้นน้ำอยาง PTTEP และโรงกลั่น (หากยกระดับถึงขั้นปิดแหลมฮอร์มุส)  มอง PTTEP ได้ประโยชน์มากสุด ส่วนโรงกลั่นอาจเผชิญการขาดแคลนน้ำมันดิบ) ฝั่งที่ได้รับผลเชิงลบคือปิโตรเคมี และสถานีบริการฯ IRPC และ PTG ถูกกดดันมากสุด

“เราคงคำแนะน า Bullish ต่อกลุ่มพลังงานฯ คง top pick เป็น PTG (ระยะสั้นอาจมีแรงกดดันจากสงครามในตะวันออกกลาง) และ BCP ที่ครึ่งปีหลัง ฟื้นเด่นกว่ากลุ่ม”บล.กรุงศรีระบุ

ด้านกลุ่มโรงกลั่นปรับตัวขึ้น คาดจะมีผลกระทบจากสต็อกน้อยลงใน Q2/68 หุ้นเด่นเป็น BCP, SPRC รองลงมาเป็น TOP, PTTGC

วันนี้ (13 มิ.ย.2568) นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า หลังเกิดการสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ขยายวงกว้าง อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกน้ำมันจากพื้นที่ตะวันออกกลางมายังประเทศไทย จึงได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินและเตรียมความพร้อม หากสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงยังมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศอย่างแน่นอน

ปัจจุบันมีน้ำมันดิบคงเหลือประมาณ 3,104 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 23 วัน น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่ง 2,597 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 20 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 1,886 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 17 วัน รวมปริมาณน้ำมันคงเหลือที่สามารถใช้ได้ 60 วัน ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล และขอให้ติดตามข่าวสารที่เป็นทางการจากทางราชการ กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน จะบริหารจัดการอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

 

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–