“กองทุนทอง” ผลตอบแทนทะยาน หลังราคาทองพุ่งปีนี้กว่า 15%

HoonSmart.com>> “กองทุนทอง” ผลตอบแทนพุ่ง หลังราคาทองคำปี 67 ปรับตัวขึ้นกว่า 15% ด้าน “บลจ.กสิกรไทย” คาด upside อาจเริ่มจำกัด แต่ทองยังเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเข้าซื้อในยามที่มีความเสี่ยงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์สูง แนะนักลงทุนกระจายความเสี่ยงไปหลากหลายสินทรัพย์ ยึดหลักการจัดพอร์ตแบบ Multi-Asset Portfolio จากความไม่แน่นอนต่างๆที่ยังมีสูง

ราคาทองคำในตลาดโลก Comex Gold ส่งมอบเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 2,388.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดคาดเฟดอาจตรึงดอกเบี้ยสูงจนถึง ก.ย.นี้ ขณะที่ในประเทศ สมาคมค้าทองคำ แจ้งปรับราคาเป็นครั้งที่ 3 ณ เวลา 13.00 น. ราคาทองคำแท่งขายออก 41,400 บาท รับซื้อ 41,300 บาท ส่วนทองรูปพรรณ ขายออก 41,900 บาท ส่งผลให้กองทุนรวมทองคำ ผลตอบแทนสูงขึ้น

จากการสำรวจผลตอบแทน “กองทุนทองคำ” สูงสุด 10 อันดับแรกตั้งแต่ต้นปีถึง 17 เม.ย.2567 พบ กองทุนที่ทำผลตอบแทนสูงสุด อยู่ที่ 23.46% จากจำนวนทั้งหมด 52 กองทุน และกองทุนที่ทำผลตอบแทนน้อยสุด -4.16% ซึ่งเป็นกองทุนเดียวที่ผลตอบแทนติดลบ ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี กองทุนที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุดอยู่ที่ 26.51% และต่ำสุด 4.65%

อันดับ 1 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) หรือ SCBGOLDE ผลตอบแทนสูงสุด 23.46% อันดับ 2 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ (SCBGOLD) ผลตอบแทน 23.30% อันดับ 3 กองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์ (KF-GOLD) ผลตอบแทน 22.66% อันดับ 4 กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์ฟันด์(BGOLD) ผลตอบแทน 19.36% อันดับ 5 กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BGOLDRMF) ผลตอบแทน 22.46%

อันดับ 6 กองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่งเพื่อการเลี้ยงชีพ-UH (TGoldRMF-UH) ผลตอบแทน 22.43% อันดับ 7 กองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่ง-UH (TGoldBullion-UH)ผลตอบแทน 22.33% อันดับ 8 กองทุนเปิดยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล (UOBSG-N) ผลตอบแทน 22.28% อันดับ 9 กองทุนเปิดยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ชนิดจ่ายเงินปันผล (UOBSG-D) ผลตอบแทน 22.17% และอันดับ 10 กองทุนเปิดทหารไทย โกลด์ ฟันด์ (TMBGOLD) ผลตอบแทน 22.17% ทั้งนี้ สำหรับอันดับ 8-10 ข้อมูล ณ วันที่ 11 เม.ย.2567

สำหรับกองทุนที่มีผลตอบแทนติดลบเพียงกองทุนเดียวได้แก่ กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลด์ อินคัม ชนิดผู้ลงทุนพิเศษ (PRINCIPAL iGOLD-X) -4.16%

ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี (ข้อมูล ณ 17 เม.ย.2567) กองทุน SCBGOLDE ผลตอบแทนสูงสุด 26.51% อันดับ 2 กองทุน SCBGOLD อยู่ที่ 25.96% อันดับ 3 กองทุน BGOLD อยู่ที่ 25.15% อันดับ 4 กองทุน BGOLDRMF อยู่ที่ 24.91% อันดับ 5 กองทุน TGoldRMF-UH อยู่ที่ 24.87%

อันดับ 6 กองทุน KF-GOLD อยู่ที่ 24.80% อันดับ 7 กองทุน TGoldBullion-UH อยู่ที่ 24.76% อันดับ 8 กองทุน UOBSG-N อยู่ที่ 24.35% อันดับ 9 กองทุน TMBGOLD อยู่ที่ 24.17% และอันดับ 10 กองทุน UOBSG-D อยู่ที่ 24.01% ขณะที่กองทุนทำผลตอบแทนได้น้อยสุด PRINCIPAL iGOLD-X อยู่ที่ 4.65%

ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่าราคาทอง ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันปรับขึ้นมากว่า 15% ทำให้มองว่า upside อาจจะเริ่มจำกัด แต่ทองจะยังเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเข้าซื้อโดยเฉพาะในยามที่มีความเสี่ยงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์สูง ด้านราคาน้ำมัน อาจคงอยู่ในระดับสูง แต่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันใน OPEC ยังมี spare capacity หลงเหลือประมาณ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันไม่น่าจะปรับตัวขึ้นสูงจนสร้างความกังวลให้กับเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ขณะเดียวกันกองทุนเปิดเค โกลด์-A ชนิดจ่ายเงินปันผล หรือ K-GOLD-A(D) เน้นลงทุนผ่านกองทุนหลัก ที่มุ่งสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำแท่งในตลาดโลก ประกาศจ่ายปันผลเป็นครั้งที่ 25 จำนวน 0.40 บาท/หน่วย เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยจ่ายปันผลคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 230.71 ล้านบาท

ทั้งนี้ สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างอิหร่านและอิสราเอลที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ นับเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกโดยตรงระหว่าง 2 ประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาอิหร่านต่อสู้กับอิสราเอลผ่านกลุ่มที่ตัวเองหนุนหลัง เช่น กลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ คาดว่า สงครามนี้จะทำให้เกิดความผันผวนในสินทรัพย์ต่างๆทั่วโลกในระยะสั้น

สำหรับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากที่เกิดสงครามแล้ว อาจจะทำให้สหรัฐฯต้องเพิ่มงบประมาณทางการทหาร และอาจนำไปสู่การกู้ยืมที่มากขึ้น ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาแข็งแกร่ง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเรามองว่าเป็นโอกาสซื้อสะสมกองทุนตราสารหนี้

ส่วยตลาดหุ้นโลก ความกังวลจากประเด็นสงครามส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนจำกัด เรามองว่าการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯในช่วงนี้ มาจากหลายปัจจัย อาทิ การเด้งขึ้นแรงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ผลประกอบการกลุ่มธนาคารไตรมาส 1 ที่อ่อนแอ การย่อตัวของตลาดหุ้นโดยรวมเป็นจังหวะที่สามารถทยอยเข้าสะสมได้

จากข้อมูลในอดีตที่เกิดสงครามพบว่า ส่วนใหญ่แล้วสงครามไม่ได้มีนัยยะสำคัญต่อตลาดหุ้นในระยะยาว ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ สามารถปรับตัวขึ้นได้ภายใน 1 – 3 เดือนหลังจากที่เกิดสงคราม หรือตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ก็สามารถปรับตัวขึ้นได้ภายใน 3 เดือนหลังจากมีสงครามเช่นกัน

บลจ.กสิกรไทย แนะนำการกระจายความเสี่ยงไปหลากหลายสินทรัพย์ ไม่ลงทุนอย่างกระจุกอยู่ในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งในพอร์ตโฟลิโอ และยึดหลักการจัดพอร์ตแบบ Multi-Asset Portfolio จากความไม่แน่นอนต่างๆที่ยังมีสูง ทั้งความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีต่อเนื่อง ช่วงเวลาและจำนวนครั้งที่ Fed จะลดดอกเบี้ย การเลือกตั้งของสหรัฐฯในช่วงปลายปี รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ชัดเจน

ด้านบลจ.เอ็มเอฟซี เผยราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระหว่างสัปดาห์ปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มลุกลาม จากกรณีอิหร่านตอบโต้อิสราเอล เราให้น้ำหนักการลงทุนทองคำเป็น Overweight