TTB คาดสินเชื่อ Q2 หดตัวต่อ ครึ่งปีหลังฟื้น เพิ่มรายได้เวลท์ กำไรโต

HoonSmart.com>>ธนาคารทหารไทยธนชาต คาดสินเชื่อไตรมาส 2 ยังลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 1  ลูกค้ากำลังซื้อลดลง จากหนี้ครัวเรือนเพิ่ม กฎระเบียบใหม่เข้มงวด หวังไตรมาส 3-4 ฟื้นตัว หลังงบประมาณรัฐ- เงินดิจิทัล เข้าสู่ระบบ  หารายได้เพิ่ม ไม่กระทบกำไร ช่วงนี้เน้นดูแลปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ลดดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี  6 เดือน หากไม่ไหวจับเข้าโครงการรวบหนี้ ใช้รถ ใช้บ้าน มาตึ๊ง ลดภาระดอกเบี้ย

ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ตั้งเป้าปี 2567 ไว้ว่า จะมียอดสินเชื่อรวมในระดับเดียวกับปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 1,328,000 ล้านบาท คือไม่เติบโต และตั้งเป้าส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.1%-3.25% ซึ่งไตรมาส 1 ปี 2567 ทำได้ 3.28%

ขณะที่ผลการดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 1,315,000 ล้านบาท ลดลง 1% จากงวดสิ้นปี 2566 และลดลง 3.16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 โดยสินเชื่อรายย่อย มีสัดส่วน 62.4% แยกเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ 31% สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 25% สินเชื่อบุคคล 3% สินเชื่อบัตรเครดิต 3% และสินเชื่ออื่นๆ 0.4% ขณะที่สินเชื่อบรรษัทธุรกิจ มีสัดส่วน 30% และสินเชื่อเอสเอ็มอี มีสัดส่วน 8%

สินเชื่อรถหดตัว 20% จ่อปรับเป้า

นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต คาดว่าไตรมาส 2 สินเชื่อรายย่อยในส่วนของเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารจะยังลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยสูง กำลังซื้อลดลง จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง การแข่งขันรุนแรง กฎระเบียบรัดกุมมากขึ้น รวมถึงยอดขายรถยนต์ทั่วไปลดลง ทำให้สินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ และบ้าน ลดลงตามไปด้วย เช่น สินเชื่อประกันรถยนต์ สินเชื่อประกันการซื้อบ้าน

ทั้งนี้ ในส่วนของสินเชื่อรถยนต์ใหม่ รถมือสอง และสินเชื่อรถแลกเงิน ในไตรมาส 1 ปี 2567 ลดลงประมาณ 20% ผลจากยอดขายรถใหม่ลดลง โดยเฉพาะรถกระบะ รถมือสองที่เป็นรถทั่วไปก็ลดลงเช่นเดียวกัน มีเพียงรถมือสองที่เป็นรถหรูที่เพิ่มขึ้นแต่รถกลุ่มนี้มีน้อย ก็อาจจะมีการปรับลดเป้าสินเชื่อดังกล่าวลง จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 150,000 ล้านบาท

ขณะที่ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กลุ่มกำลังซื้อระดับต่ำกว่า 2 ล้านบาท และเงินเดือนต่ำกว่า 3 หมื่นบาท ยังไม่กระเตื้อง และเป็นกลุ่มที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยธนาคารมีการยืดอายุเงินกู้ เช่น จาก 20 ปี เป็น 30 ปี ลดค่างวดลงเหลือ 60-70% เป็นเวลา 12 เดือน และการลดดอกเบี้ยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง

ส่วนลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ก็จะให้นำบ้าน หรือ รถ มาแลกสินเชื่อ ซึ่งจะทำให้ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจาก 24% เหลือ 8%

หากใช้มาตรการช่วยเหลือข้างต้นแล้วยังไปไม่ไหว จะให้เข้าโครงการรวบหนี้เป็นก้อนเดียว ซึ่งเป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งบ้านอัตราดอกเบี้ยจะเป็นแบบลอยตัว และดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะเป็นแบบคงที่ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การผ่อนของลูกค้ายังเท่าเดิม เพียงแต่เงินต้นจะถูกตัดมากขึ้น การรวบหนี้เป็นก้อนเดียว จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงได้มาก รวมถึง แคมเปญ พิชิตหนี้ ที่ตั้งเป้าจะช่วยลูกค้าลดภาระหนี้ลงให้ได้ 2 แสนรายใน 3 ปี ซึ่งปีที่ผ่านมาสามารถช่วยลูกค้าพิชิตหนี้ได้ราวๆ 3 หมื่นราย จากการที่ธนาคาร มีการใช้ความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ และดูแลปรับปรุงคุณภาพหนี้อย่างใกล้ชิด ทำให้หนี้ขั้น 3 หรือสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ในระดับที่จัดการได้

“ภายในเรากำลังศึกษาและพูดคุยกันอยู่ว่า จะมีการปรับลดสินเชื่อไหม ขอรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไปก่อน แต่สินเชื่อรถยนต์นี้คงต้องปรับลดแน่ เพราะยอดขายรถใหม่ลดลงไปเยอะ ซึ่งเรามุ่งปล่อยสินเชื่อรถใหม่เป็นหลักก็จะกระทบเยอะ สินเชื่อรถยนต์ใหม่ลดลงจากปีก่อนเยอะเลย แต่จะปรับลดลงเหลือเท่าไหร่ยังไม่สรุป”นายฐากร กล่าว

เพิ่มรายได้ดอกเบี้ย-ค่าธรรมเนียมลูกค้าเวลท์

นายฐากร กล่าวว่า จะไม่กระทบต่อกำไรของธนาคารมากนัก เพราะคาดว่าสินเชื่อจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 3 และ 4 หลังจากที่งบประมาณรัฐบาลมีการเบิกจ่ายและเข้าสู่ระบบ รวมถึงเงินดิจิทัลที่จะเข้ามา ภาคเกษตรจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ทำให้กำลังซื้อฟื้นตัว

นอกจากนี้ ธนาคารยังหันไปขยายตลาดสินเชื่อรายย่อย กลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งเป็นตลาดที่ดีขึ้นมาก ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา โดยรุกขยายฐานลูกค้าบัตรเครดิต เจาะกลุ่มไลฟ์สไตล์ กิน เที่ยว ช้อปปิ้ง ลงทุน ส่งลูกเรียน  ด้วยสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อเพิ่มรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ในตลาดที่มีการเติบโต แม้ว่าจะไม่สามารถชดเชยดอกเบี้ยจากสินเชื่อที่ลดลง แต่ก็จะทำให้ไม่ลดลงมาก

“กลุ่มลูกค้า Wealth ในส่วนที่เป็น ttb reserve infinite มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโต 25% จากค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเติบโตที่ 12% โดยมีการใช้ไปกับการซื้อนาฬิกาหรู ตามด้วยกระเป๋า รวมถึงการใช้จ่ายบัตรในต่างประเทศ  เพราะฟรีค่าธรรมเนียม FX Rate 2.5%   และเราเป็นธนาคารที่ได้รับการจัดอันดับจากวีซ่าว่าลูกค้ากลุ่มไฮเอ็นด์ของเรามียอดใช้จ่ายสูงสุดติดต่อกัน 2 ปี “นายฐากร กล่าว

นายฐากร กล่าวว่า ธนาคารยังมองหาโอกาสทางธุรกิจจากฐานลูกค้าเก่าที่มีศักยภาพในการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ที่ใช้บริการสินเชื่ออยู่ประมาณ 500-600 ราย ยังไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์เวลท์ของธนาคาร

ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี ให้กลุ่มเปราะบาง 6 เดือน 

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึง ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งธนาคารเองไม่ได้นิ่งนอนใจและมีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารมาโดยตลอด

นอกเหนือจากมาตรการรวบหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบุคคลที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt) ตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย และเพื่อเป็นการบรรเทาภาระหนี้ของลูกค้ากลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม

ธนาคารจึงได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR, MLR และ MOR โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2567 – 15 พ.ย. 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน

สำหรับ ลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้แก่

1. ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 30,000 บาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 2 ล้านบาท

2. ลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่มีรายได้ในปี พ.ศ. 2565 ไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 5 ล้านบาท

มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว จะไม่ครอบคลุมลูกค้าสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ได้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือเฉพาะรายกับธนาคารมาก่อนหน้า

ธนาคารเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระทางการเงินให้กับกลุ่มเปราะบางข้างต้นได้ ทั้งนี้ ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อัตโนมัติโดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน และธนาคารจะดำเนินการส่ง SMS แจ้งกลุ่มลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือรับทราบ

นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเดินหน้าสนับสนุนลูกค้าสินเชื่อที่มีภาระหนี้หลายก้อนให้ทำการรวบหนี้ ผ่าน“บริการรวบหนี้เป็นก้อนเดียว” (ttb debt consolidation) ที่จะช่วยลูกค้าลดภาระดอกเบี้ย ลดค่างวดต่อเดือนให้ต่ำลง และเสริมสภาพคล่องทางการเงินไปพร้อมกัน สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้ในปัจจุบัน

“ทีทีบี พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถจัดการภาระหนี้ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระคืนอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ตามเป้าหมายของธนาคารที่มุ่งมั่นทำให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต”นายปิติ กล่าว

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 ธนาคารทหารไทยธนชาต มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLratio) ตามงบการเงินรวม อยู่ที่ 2.56% ลดลงเมื่อเทียบกับ 2.62% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 และลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 2.69%