“เสี่ยยักษ์” เริ่มกลับมาเทรดแล้ว ส่องหุ้นหลังสงกรานต์ขาขึ้น

HoonSmart.com>>”เสี่ยยักษ์” (วิชัย วชิรพงศ์) รายใหญ่แห่งวงการตลาดทุนไทย ส่องหุ้นหลังสงกรานต์สดใส แจงปัจจัยบวกหลายเรื่องหนุน รัฐบาลทำงานดีขึ้น  เก็งดอกเบี้ยลดอีก  2-3 เดือน  กลุ่มชอร์ตรีบเก็บหุ้นคืน Naked Short Sell ทำยากขึ้น เริ่มเห็นนักลงทุนกลุ่มหนึ่งจ้องซื้อหุ้น ลั่นยากกลับไปแถว 1,600-1,700  ด้านบอร์ดตลาดอนุมัติมาตรการกำกับซื้อขาย -พัฒนาบจ. เพิ่มความเชื่อมั่น ด้านหุ้นแบงก์เด่น จ่อขึ้น XD  แจกปันผลสูง กำไรไตรมาสแรกปีนี้รุ่ง  

นายวิชัย วชิรพงศ์ “เสี่ยยักษ์” นักลงทุนรายใหญ่ มองทิศทางตลาดหุ้นหลังสงกรานต์จะปรับตัวลงต่ำแล้ว เนื่องจากอีก 2-3 เดือนข้างหน้าดอกเบี้ยจะปรับตัวลง ภาพระยะกลางรัฐบาลทำงานดีขึ้น ทั้งความคืบหน้าเรื่อง Digital Wallet  การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์  ผ่านงบประมาณประจำปี 2567  ตอนนี้รอเพียงการเบิกใช้จ่ายเท่านั้น

นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยข้อมูลการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืนแล้ว ทำให้มีแรงซื้อหุ้นคืนเข้ามาในช่วงที่ผ่านมา เช่น หุ้น BANPU ถูกกดไปมากยังขยับขึ้นมาได้ และหุ้น BTS ปรับลงไปแถว 5-6 บาท กลุ่มเล่นชอร์ตเริ่มซื้อคืน ส่วน SINGER ยอดขายก็ดีขึ้น สำหรับผลประชชุมกนง.ครั้งล่าสุดที่ออกมาเสียง 5:2  แสดงให้เห็นยังมีโอกาสที่กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปได้อีก

ส่วนกรณีตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยข้อมูลการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืน ทำให้ Naked Short Sell ทำได้ยากกว่าเดิม และบางคนก็เริ่มซื้อคืน รัฐบาล Active ดี งบประมาณปี 67 เริ่มใช้ได้ แนวโน้มน่าจะดีขึ้น ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศต่างปรับขึ้นกันไปหมดแล้ว แต่เรายังไม่ได้ขึ้น จึงมีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้ ส่วนวอลุ่มเทรดน้อยในตอนนี้มองเป็นความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งหุ้นลงการซื้อขายน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่ก่อนหน้านี้หุ้นลงการซื้อขายเยอะมันไม่ปกติ เพราะมี Naked Short Sell คอยสร้างวอลุ่ม พอตลาดมีการเปิดเผยข้อมูลขายชอร์ต คนก็มั่นใจมากขึ้น ทุกอย่างก็ค่อย ๆ เข้าสู่ภาวะปกติ

“ตอนนี้เริ่มเห็นนักลงทุนกลุ่มหนึ่งจ้องซื้อหุ้นแล้ว จากการมองภาพตลาดที่ดีขึ้น แม้แต่ผมเองก็เริ่มกลับมาเทรดแล้ว เห็นได้จากหุ้นขนาดเล็กเริ่มกลับมาเล่นกันแล้ว ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ก็เริ่มกลับมา ก่อนหน้านี้มี Naked Short Sell นักลงทุนรายย่อยไม่ทำอะไรเลย นั่งดูตลาดเฉย ๆ ตอนนี้ขอเพียงอย่าเกิดแบบนั้นอีก ไม่งั้นทุกคนตาย แต่ตอนนี้มองว่าตลาดยังยากที่จะกลับไปเล่นแถวเดิม 1,600-1,700 จุด เว้นแต่จะมีข่าวดีมาก ๆ อีกเรื่อง อย่างที่มีข่าวว่า “เทสลา”อยู่ระหว่างเจรจากับรัฐบาลไทยตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ถ้ามาจริงก็เป็นแรงขับเคลื่อนที่ดี ตอนนี้ก็พยายามเอาใจช่วยรัฐบาลอยู่”เสี่ยยักษ์กล่าว

ด้านคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบแนวทางเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุน ด้านการกำกับดูแลการซื้อขายหุ้น และแนวทางการพัฒนาและชูศักยภาพของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)

เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2567 ตลาดหุ้นไทยกลับมาร่วงลงแรงหลุด 1,400 จุดตามตลาดต่างประเทศ  ดัชนีปิดที่  1,396.38 จุด ลดลง 11.79 จุด หรือ -0.84% มูลค่าซื้อขาย 42,952.35 ล้านบาท  หลังจากนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขาย 1,816  ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 1,716.51 ล้านบาท  หุ้นในกลุ่มธนาคารขยับขึ้นได้ดีกว่าตลาด  นำโดยหุ้น BBL บวก 1.40% มาที่ 144.50 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,811.60 ล้านบาท ซึ่งจะขึ้น XD 23 เม.ย. จ่ายเงินปันผลงวดที่สอง 5 บาท/หุ้น

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาด คาดว่าจะรับผลดีจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐปรับตัวขึ้น และจะจ่ายเงินปันผลสูงหลังสงกรานต์ รวมถึงเตรียมประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/67 ตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.เป็นต้นไป คาดกำไรเติบโตทั้ง YoY และ QoQ

พร้อมแนะนำ”ซื้อ”หุ้น KTB จัดให้เป็นหนึ่งใน Top Picks คาดกำไรไตรมาส 1/67 จะออกมาดี จากที่ได้ตั้งสำรองฯไว้มากแล้ว และผลกระทบจากกรณี ITD มีไม่มาก รวมถึงเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 17 เม.ย.  ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนจากปันผล 5.2%

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มธนาคาร ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยลงช้า คาดกําไรไตรมาส 1/67 ยังโตได้ดี โดยเงินเฟ้อสหรัฐฯที่กลับมาเร่งตัวเดือนมี.ค. มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการลดดอกเบี้ยออกไปโดย FedWatch Tool คาดว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยเพียงแค่ 2 ครั้งในปีนี้จากเดิมคาดไว้ 3-4 ครั้ง  แนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงนานเป็นผล “บวก” ต่อกลุ่มธนาคารโดยตรง

นอกจากนี้แบงก์ยังมีปัจจัยบวก มองว่า 1) คาดกําไรไตรมาส 1/67 ยังขยายตัวได้ดีจาก NIM ที่อยู่ในระดับสูง 2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยพยุงคุณภาพสินทรัพย์และหนุนการเติบโตของสินเชื่อ 3) ได้ประโยชน์จาก Bond yield 10 ปีสหรัฐฯที่กลับมาเร่งตัวที่ระดับ 4.54% จึงแนะนํา “ซื้อ” กลุ่มธนาคารที่จ่ายปันผลสูง ชอบ SCB KTB และ TTB