บล.กสิกรฯลุ้นหุ้นไปต่อ 1,415 จุด จับตาฟันด์โฟลว์สัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้มีแนวรับที่ 1,385 และ 1,375 จุด ส่วนแนวต้านสูงกว่า 1,400 จุด ด้านค่าเงินบาทธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 36.20-36.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (17-19 เม.ย.2567)  ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,385 และ 1,375 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,405 และ 1,415 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นดีดตัวขึ้นแรงช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ โดยแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือนที่ระดับ 1,411.46 จุด ท่ามกลางแรงซื้อสุทธิของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก ที่น่าจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการภาครัฐโดยตรง

อย่างไรก็ดีหุ้นย่อตัวลงบางส่วนในเวลาต่อมา ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ซึ่งส่วนใหญ่ปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลว่าเฟดจะยืนดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมี.ค.ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ประกอบกับน่าจะมีแรงขายเพื่อปรับโพสิชั่นก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ อนึ่ง หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นสวนทางภาพรวมหลัง กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบล่าสุด

ในวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,396.38 จุด เพิ่มขึ้น 1.51% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,261.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.99% ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.35% มาปิดที่ระดับ 400.08 จุด

ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (17-19 เม.ย.2567) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 36.20-36.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงแรกตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกที่ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ก่อนจะอ่อนค่ากลับมาบางส่วนสอดคล้องกับจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวกลับขึ้นมาช่วงกลางสัปดาห์ หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด ส่งผลทำให้การปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็ว และตลาดบางส่วนเริ่มประเมินว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 3 ครั้งในปีนี้ อนึ่ง กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก หลังผลการประชุมกนง. ช่วงกลางสัปดาห์ โดยในการประชุมรอบนี้ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ตามเดิม

ในวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.57 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 36.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (5 เม.ย. 67)

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 9-11 เม.ย. 2567 นั้น ซื้อสุทธิหุ้นไทย 7,918 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 16,566 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตรไทย 15,509 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 1,057 ล้านบาท)