HoonSmart.com>> กระทรวงพาณิชย์เผย “เงินเฟ้อ” เดือนเม.ย. -0.22% หดตัวครั้งแรกรอบ 13 เดือน เหตุราคาพลังงานลดลง แนวโน้มเดือนพ.ค.ลงต่อเป็นเดือนที่สอง แต่ยังไม่เข้าภาวะ “เงินฝืด” ด้าน “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาดเงินเฟ้อทั่วไปปี 68 อยู่ที่ 0.5%

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนเมษายน 2568 เท่ากับ 100.14 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 ซึ่งเท่ากับ 100.36 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงร้อยละ 0.22 (YoY) โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน และค่ากระแสไฟฟ้า ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ ประกอบกับมีการลดลงของราคาผักสด และไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนน้อยกว่าปีก่อน ขณะที่ราคาสินค้าอาหารบางชนิดปรับตัวสูงขึ้น อาทิ เนื้อสุกร อาหารสำเร็จรูป และเครื่องประกอบอาหาร สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนมีนาคม 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยสูงขึ้นร้อยละ 0.84 (YoY) ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 24 จาก 134 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สปป.ลาว)
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เฉลี่ย 4 เดือน (มกราคม – เมษายน) ของปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 สูงขึ้นร้อยละ 0.75 (AoA)
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤษภาคม 2568 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับเดือนเมษายน 2568 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2
“เงินเฟ้อลดลง แต่ไม่ได้หมายความว่าไทยจะเข้าสู่ภาวะ “เงินฝืด” เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจเดินต่อได้ เช่น ฐานราคาสินค้าบางอย่างปีก่อนสูง, ปีนี้ผลผลิตทางเกษตรดีขึ้น รวมถึงกิจกรรมกระตุ้นจากเอกชน”

ปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่
1.ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ และจะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศปรับตัวลดลงทิศทางเดียวกัน
2.ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดราคาค่ากระแสไฟฟ้างวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 ลง 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย
3.ฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะที่ในปี 2568 สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น
4.การจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่
1.ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศปัจจุบันเท่ากับ 31.94 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
2.ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น มะพร้าว มะขามเปียก กาแฟ เกลือป่น น้ำมันพืช และเนื้อสุกร เป็นต้น
ทั้งนี้ สนค. จะขอดูเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ให้แน่ชัดก่อนจะตัดสินใจปรับเป้าทั้งปี 2568 ที่ปัจจุบันตั้งไว้ 0.3–1.3%
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือน เม.ย. 2568 ลดลงครั้งแรกในรอบ 13 เดือนที่ -0.22%YoY จากราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และค่าไฟฟ้าที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้า
แนวโน้มไตรมาสที่ 2/2568 อัตราเงินเฟ้อไทยมีโอกาสเผชิญการติดลบ แต่ยังไม่ถือได้ว่าเข้าสู่สภาวะเงินฝืด เนื่องจากราคาสินค้าและบริการยังไม่ปรับลดลงอย่างเป็นวงกว้าง (Broad-based)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 อัตราเงินเฟ้อไทยอาจกลับมาอยู่ระดับเป็นบวกเล็กน้อยจากฐานราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในปี 2567 ที่ต่ำ และทั้งปี 2568 คาดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ที่ 0.5%
———————————————————————————————————————————————————–

