บิ๊กบจ.พาเหรดขายหุ้นกู้นับแสนลบ. ตลาดหวั่นเฟดเลื่อนลดดอกเบี้ย

HoonSmart.com>>บริษัทขนาดใหญ่ เดินหน้าเสนอขายหุ้นกู้ CKP-CK-โลตัส-TRUE รวมถึง SCBX คาดระดม 1 แสนล้านบาท BAY-TTB เพื่อนำไปชำระหนี้และขยายการลงทุน แม้ว่าดอกเบี้ยโลกกำลังกลับทิศเป็นขาลง ล่าสุด สหรัฐเปิดข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ตลาดเริ่มมีความกังวลเฟดอาจเลื่อนการลดดอกเบี้ยลง บอนด์ยีลด์เพิ่ม กดดันหุ้นโลก ดาวโจนส์ร่วง ไทยลดลง 3.77 จุด ต่างชาติซื้อ 1,590 ล้านบาท ค่าเงินอ่อนปิด 36.71 บาท/ดอลลาร์ ส่วนยุโรปคาดเริ่มลดดอกเบี้ยมิ.ย.นี้

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย รายงานว่าในเดือนเม.ย.-มิ.ย.2567 เอกชนยังคงมีการเสนอขายหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง โดยมีบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง อาทิ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ (CKP) กำลังเปิดขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ในวันที่ 3-4 เม.ย.นี้ จำนวน  3  ชุด อายุ 1 ปี 11 เดือน 29 วัน  ไม่มีการชำระดอกเบี้ยระหว่างอายุหุ้นกู้ คิดเป็นอัตราคิด 3.50% ต่อปี ชุดที่  2 อายุ 3 ปี  ดอกเบี้ย 4.20% ต่อปี  และ ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี ดอกเบี้ย 4.60% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน หุ้นกู้จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB+ องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ A-

บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

ด้านบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม (LOTUSS) หรือ โลตัส (Lotus’s) คาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ในวันที่ 22-24 เม.ย. นี้ แต่บริษัทยังไม่กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้จำนวน 4 ชุด ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 5 เดือน 25 วัน  ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 5 เดือน 25 วัน ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 5 เดือน 25 วัน และชุดที่ 4 อายุ 7 ปี 5 เดือน 25 วัน  หุ้นกู้และองค์กรมีเรทติ้ง  A+

บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ นำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ

ส่วนบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เตรียมออกหุ้นกู้ 5 รุ่น อายุ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี ดอกเบี้ยคงที่อยู่ในช่วง 2.95 – 4.50%ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A+” คาดเปิดให้จองซื้อ 23 – 24 และ 27 พ.ค.2567 บริษัทและหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่  A+

นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น  กล่าวว่าการดำเนินงานของทรู คอร์ปอเรชั่น ในปี 2566 ภายหลังการควบรวมเป็นบริษัทใหม่นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี รายได้เติบโตต่อเนื่องและความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น โดย EBITDA เติบโตขึ้นติดต่อกัน  4 ไตรมาส  ในขณะที่สามารถรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม (Synergy) ได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 นี้ บริษัทมุ่งเน้นการเติบโตและการสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน คาดรายได้จากการให้บริการจะเติบโตประมาณ 3-4% และคาดว่า EBITDA จะเติบโตขึ้น 9-11%

 “หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป มีอายุระหว่าง 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกระดับ ทั้งที่ชอบลงทุนระยะสั้นยังคงสามารถเลือกลงทุนในรุ่น 1 ปี 3 เดือน 2 ปี 6 เดือน หรือ 3 ปี 3 เดือน นักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะกลางก็อาจเลือกในรุ่น 5 ปี 3 เดือน หรือนักลงทุนท่านใดที่ชอบลงทุนระยะยาวและต้องการดอกเบี้ยเพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็อาจเลือกจะลงทุนในรุ่น 10 ปี เพราะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า และเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวลดลงหลังจากที่ธนาคารกลางประเทศหลักๆ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ เริ่มส่งสัญญาณหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบางประเทศเริ่มมีการพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 “

ส่วนวัตถุประสงค์ในการเสนอขายหุ้นกู้เพื่อนำเงินไปใช้ในการชำระคืนหนี้คงค้าง และ/หรือ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโต

นอกจากนี้ภาคการเงินก็เตรียมพร้อมจะเสนอขายหุ้นกู้  เช่น บริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) คาดว่าออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มูลค่า 100,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่  ระหว่างวันที่ 7-9  พ.ค.นี้ จำนวน 6 ชุด 1 ปี  2 ปี  5  ปี 7 ปี และ 10 ปี ยังไม่กำหนดดอกเบี้ย ส่วนอายุ 3 ปี ไม่มีการชำระดอกเบี้ยระหว่างอายุหุ้นกู้ รอประกาศอัตราส่วนลดแทน ทั้งนี้องค์กรและหุ้นกู้มีเรทติ้ง AA+  วัตถุประสงค์ในการระดมทุน เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
และดำเนินงานทั่วไป

ในเดือนมิ.ย.นี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) และธนาคาร ทหารไทยธนชาต  (TTB) เตรียมเสนอขาย โดย TTB จะออกอายุ 10 ปี 6 เดือน รอประกาศอัตราดอกเบี้ย  องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ AA+ และหุ้นกู้จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ A

สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลก สหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ทำให้ตลาดเริ่มมีความกังวลเฟดอาจเลื่อนการลดดอกเบี้ยลง ส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้นสหรัฐ ทั้งสามแห่งทรุดตัวลงแรง วันที่ 2 เม.ย.2567 ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 39,170.24 จุด ลดลง 396.61 จุด หรือ -1.00%  ส่งผลต่อเนื่องถึงหุ้นในภูมิภาค  นำโดยเกาหลีใต้ดิ่งลงแรงถึง -1.68% ฮ่องกง-1.22% ญี่ปุ่น -0.97%  ส่วนไทย
ลดลงเพียง -0.27% ปิดที่ระดับ 1,375.69 จุด มูลค่าซื้อขาย 41,806.63 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,590  ล้านบาท และนักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 1,395.40 ล้านบาท เน้นกลุ่มพลังงานปิโตรเคมี ปรับตัวตามราคาน้ำมันดิบ

นายธีรศักดิ์ ธนวรากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า  หุ้นวันนี้ปรับตัวลง ได้ Sentiment ลบจากต่างประเทศ ในประเด็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้หุ้นสหรัฐปรับตัวลง ส่งถึงตลาดเอเชียวันนี้ปรับฐานไปด้วย และยังมีทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจากสถานการณ์ตะวันออกกลาง ส่วนยุโรปต่างก็รอติดตามเงินเฟ้อยุโรปในวันนี้

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (4 เม.ย.) ตลาดมีความเสี่ยงที่จะถอยลงได้ต่อ โดยมีแนวรับ 1,370 จุด แนวต้าน 1,385 จุด ทั้งนี้ฝั่งต่างประเทศตลาดน่าจะปรับฐานหลังไตรมาส 1/67 ขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งยังต้องลุ้นผลดำเนินงานไตรมาส 1/67 ของบริษัทในสหรัฐ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคฯจะยังเติบโตต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าผลดำเนินงานยังเติบโตก็จะเป็นการปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ

พร้อมให้รอติดตามการประชุมกนง.ในวันที่ 10 เม.ย.นี้ ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงหรือไม่ และการทยอยประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 1/67 ของกลุ่มแบงก์ที่จะทยอยออกมาช่วงหลังสงกรานต์ ส่วนวันศุกร์นี้ (5 เม.ย.)ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ