“คิงส์ฟอร์ด” คาดหุ้นแกว่งรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ แนะ BA-SHR

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มดัชนีหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบ 1,370 – 1,390 จุด หลังดัชนีภาคการผลิตสหรัฐ (ISM) พุ่งแรง ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐในวันศุกร์ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐจากค่าจ้างแรงงาน ขณะที่ใกล้ช่วงวันหยุดต้นสัปดาห์ แนะทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,BJC ท่องเที่ยว AOT,AAV,BA,ERW,BEM ,ปิโตรเคมี PTTGC,IVL,SCC รับ PMI ภาคการผลิตจีนและสหรัฐปรับดีขึ้น , เก็งกำไร MEGA,OSP,RBF สัญญาณเทคนิคหนุน ส่วนหุ้นวันนี้ BA, SHR

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,370 – 1,390 จุด รอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐในวันศุกร์ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐจากค่าจ้างแรงงาน กอปรติดช่วงวันหยุดในต้นสัปดาห์หน้า ส่วนรายงานทางเศรษฐกิจไทย World Bank คาด GDP ไทยปีนี้ที่ 2.8% จากเดิมคาดที่ 3.2% เป็นจากส่งออกและการลงทุนภาครัฐชะลอตัว โดยเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่ากลุ่มเอเชียแปซิฟิกไม่รวมจีนปีนี้คาด +4.6%

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA -0.60%, S&P500 -0.20%, Nasdaq +0.11% ตลาดปรับลดลง หลัง ISM ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐ มี.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 50.3 & ก.พ. 47.8 สูงสุดนับตั้งแต่ ก.ย. 65 บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง และอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐลดลงได้ยาก ดังนั้นตลาดจึงกลับมากังวลต่อช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ย โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 58% และเดิม 64% คาดเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุม 12 มิ.ย. ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.312%

สัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขแรงงานสหรัฐ เช่น JOLTs ตัวเปิดรับสมัครงาน ก.พ. , ADP จ้างงานเอกชน & จ้างงานนอกภาคเกษตร มี.ค. และความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่าน เพื่อประเมินช่วงเวลาที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้

ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปิดในเทศกาล Easter วันนี้ติดตาม PMI ภาคการผลิตยูโรโซน มี.ค. คาด 45.7 , ก.พ. 46.5 และวันพุธ CPI ยูโรโซน มี.ค. คาด 2.5% , ก.พ. 2.6% YoY เพื่อประเมินโอกาสของ ECB จะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้

บล.คิงส์ฟอร์ด แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,BJC ท่องเที่ยว AOT,AAV,BA,ERW,BEM ,ปิโตรเคมี PTTGC,IVL,SCC รับ PMI ภาคการผลิตจีนและสหรัฐปรับดีขึ้น , เก็งกำไร MEGA,OSP,RBF สัญญาณเทคนิคหนุน

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 20.00 บาท) แนวโน้ม 1Q67 คาดเห็นการพลิกกลับมาเป็นกำไรจากที่เป็น high season ท่องเที่ยว ส่งผลปริมาณผู้โดยสารเติบโต ส่วนราคาค่าตั๋วโดยสารยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากความต้องการในการเดินทางที่ฟื้นเร็วกว่า supply ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A จะลดลงสู่ระดับไตรมาสปกติ ทั้งนี้จากสถิติการบินยังมี room ให้ improve ไปเทียบเท่าช่วง pre-covid ได้ แม้บริษัทจะเพิ่มกำลังการให้บริการได้ช้ากว่าสายการบิน low cost โดยในปี 67 บริษัทตั้งเป้าผู้โดยสาร 4.5 ล้านคน LF 85% เที่ยวบิน 48,000 เที่ยวบิน และรายได้ 17,800 ล้านบาท ช่วงสั้นได้ sentiment บวกความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน รวมถึง entertainment complex

หุ้น SHR (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 3.50 บาท) ประเมินผลการดำเนินงาน 1Q67 ได้แรงหนุนจาก 1.จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทย 1ม.ค.-24 มี.ค.67 ที่ 8.73 ล้านคน, +44%YoY 2.จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามัลดีฟส์ 1 ม.ค.-24 มี.ค.67 ที่ 5.58 แสนคน, +14%YoY และ 3.ADR ที่สูงขึ้นจากการปรับปรุงพอร์ตโรงแรม

สำหรับภาพรวมปี 67 ผู้บริหารวางเป้ารายได้ +15%YoY/ EBITDA Margin ที่ 26-30%/ CAPEX 1-1.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ SHR จะอยู่ที่ระดับ 241 ล้านบาท +178%YoY) และ 393 ล้านบาท (+63%YoY) ตามลำดับ