3 โบรกฯเชียร์”ซื้อ”TU กำไรฟื้น Q1/67 ธุรกิจดีขึ้น-บาทอ่อนค่าหนุน

HoonSmart.com>>3 โบรกฯเชียร์”ซื้อ”TU คาดกำไรไตรมาส 1/67 ฟื้นตัว ธุรกิจ petfood เด่นสุด และราคาทูน่าลดลงหนุนคำสั่งซื้อมากขึ้น, ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงหลังปัญหาสต็อกลูกค้าล้นเริ่มหมดไป รวมถึงได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า อีกทั้ง Red Lobster ไม่มีการบันทึกส่วนแบ่งแล้วในไตรมาส 1/67 เล็งกำไรไตรมาส 2/67 โตเด่นต่อเนื่อง ล่าสุดหุ้น TU บวก 1.38%

บล.กรุงศรี พัฒนสิน แนะนำ”ซื้อ”หุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ราคาเป้าหมาย 17.5 บาท (P/E 14 เท่า) บนแนวโน้มกำไรปกติปี 67 ฟื้นตัว +23% เพราะธุรกิจทั้งทูน่า/อาหารสัตว์เลี้ยง/อาหารแช่แข็งจะมีความต้องการฟื้นตัวกลับมาในระดับปกติ หลังจากลูกค้าชะลอการซื้อในปี 66 เพื่อใช้สต๊อกเก่า แนวโน้มต้นทุนทูน่าลดลง

ทั้งนี้ คาด TU มีกำไรปกติในไตรมาส 1/67 ที่ 1,090 ล้านบาท +35% YoY -7% QoQ ภาพ YoY ชัดเจนว่าธุรกิจ petfood เด่นสุดด้วยยอดขายโต 15% GPM ฟื้นตัวจากสินค้าพรีเมียมเพิ่มขึ้นและต้นทุนทูน่าลดลง ธุรกิจอาหารทะเลกระป๋องโตน้อย ราคาทูน่าที่ลดลงทำให้ราคาขายลด แต่ปริมาณเพิ่มขึ้นชดเชย GPM ดีขึ้นเล็กน้อย ต้นทุนทูน่าต่ำยังสะท้อนไม่เต็มที่ในไตรมาสนี้ ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งยอดขายอ่อนแต่ GPM ดีขึ้น Red Lobster ไม่มีการบันทึกส่วนแบ่งแล้วในไตรมาส 1/67

ส่วนไตรมาส 2/67 คาดกำไรปกติเพิ่ม YoY QoQ กลุ่ม Petfood ยังโต กลุ่มอาหารทะเลกระป๋องดีขึ้นอีก กลุ่มอาหารทะเลแช่แข็ง ปริมาณ และ GPM ดีขึ้นเพราะปรับโครงสร้างธุรกิจครบปีแล้ว

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น TU ราคาเป้าหมาย 16.7 บาท คาดไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 1,079.9 ล้านบาท +3.9% YoY +106.2% QoQ โดยคาดรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4.2% YoY จากราคาทูน่าที่ลดลงทำให้ลูกค้าสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น(ปัจจุบันราคาทูน่าเฉลี่ย 1,350 เหรียญสหรัฐ/ตัน
เทียบไตรมาส 1/66 ที่ 1,820 เหรียญสหรัฐ/ตัน) และได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนแต่ลดลง 4.2% QoQ ตาม Seasonal ของ Frozen และ petcare ทำ GPM รวม 17.2% ปรับตัวขึ้น YoY ได้ดีจากการลดขนาดกิจการที่ขาดทุนในสหรัฐฯ และ ITC ทำได้ดีขึ้น แต่ลดลง QoQ จากราคาทูน่าที่ปรับตัวลงกำไรจากการดำเนินงานฟื้นตัว YoY ได้ดีแต่อ่อนตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล การยกเลิก Red Lobster ยังไม่เห็นผลในไตรมาสนี้ (เนื่องจากไตรมาส 1/66 มีกำไรจากการดำเนินงาน 121 ล้านบาท และยังได้รับเครดิตภาษีอยู่)

ทั้งนี้ ไตรมาส 1/67 หลายธุรกิจอยู่ในช่วง Low Season คาดผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/67 และยังได้ประโยชน์จากต้นทุนทูน่าที่ลดลง

บล.พาย แนะนำ”ซื้อ”หุ้น TU มูลค่าเหมาะสม 18.1 บาท คงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีที่ 5,553 ล้านบาท แม้กำไรไตรมาส 1/67 จะคิดเป็นเพียง 16% ของกำไรทั้งปี โดยมองว่าหลังจากนี้จะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากผลดีของการเข้าสู่ช่วง High Seasons ของธุรกิจ โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 จะอยู่ที่ 904 ล้านบาท (-9%YoY) และพลิกจากที่ขาดทุนกว่า 17,170 ล้านบาท ในไตรมาส 4/66 แต่ถ้าดูเฉพาะกำไรปกติจะโต 16% YoY เป็นผลจากกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ส่วนเทียบกับไตรมาส 4/66 จะลดลง 23% QoQ เพราะเป็นช่วง Low Seasons ของธุรกิจอาหารแช่แข็ง

รายได้คาดที่ 32,985 ล้านบาท (+1%YoY, -7%QoQ) เทียบกับปีก่อน เติบโตจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงหลังปัญหาสต็อกลูกค้าล้นเริ่มหมดไป ขณะที่อาหารทะเลแปรรูปเติบโตได้เล็กน้อยจากผลดีของเงินบาทอ่อนค่า ส่วนอาหารแช่แข็งลดลงแรงเพราะ TU มีการปรับรูปแบบสินค้าใหม่ที่มีขนาดเล็กลง (เริ่มไตรมาส 2/66) และเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจ ส่วนเทียบกับไตรมาส 4/66 ลดลงในส่วนของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่แข็ง

กำไรขั้นต้นคาดที่ 16.9% ดีขึ้นจาก 15.1% ในไตรมาส 1/66 เพราะธุรกิจอาหารสัตว์มีกำไรที่ดีขึ้น แต่ลดลงจาก 17.8% ในไตรมาส 4/66 ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารประเมินไว้ที่ 4,123 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า

ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ 152 ล้านบาท (-34% YoY) แต่พลิกจากที่รับรู้ขาดทุน 400 ล้านบาทในไตรมาส 4/66 ซึ่งไตรมานี้จะเป็นไตรมาสแรกที่ไม่มีการรวมส่วนแบ่งจาก Red Lobster เข้ามา (ไตรมาส 1/66 รับรู้ส่วนแบ่งกำไรประมาณ 20 ล้านบาท ไตรมาส 4/66 รับรู้ขาดทุนกว่า 552 ล้านบาท) ไตรมาสนี้ TU จะกลับมามีค่าใช้จ่ายภาษีประมาณ 94 ล้านบาท จากที่รับรู้รายได้ภาษี 242 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 และ 40 ล้านบาทในไตรมาส 4/66 เพราะไม่มีผลขาดทุนจาก Red Lobster มาช่วยแล้ว

หุ้น TU ปิดเช้าที่ 14.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ +1.38% มูลค่าซื้อขาย 112.90 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 14.60 บาท ขึ้นสูงสุด ่14.70 บาท และต่ำสุด 14.50 บาท
 

 
อ่านข่าว
JCR ปรับเพิ่มอันดับเครดิต “ไทยยูเนี่ยน” ตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศขึ้นระดับ A