หุ้นปิด -3.48 จุด ต่างชาติทิ้ง 1.8 หมื่นล้านบาท จาก AWC-F 1.7 หมื่นล้านบ.

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดลบ 3.48 จุด ไร้ปัจจัยใหม่หนุน-รอดูการประชุมเฟดคืบพรุ่งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 18,801.70 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 17,937.99 ล้านบาท พบดีลบิ๊กล็อต AWC-F มูลค่าซื้อขาย 17,938.80 ล้านบาท แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้แกว่งแคบ แนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,395 จุด

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 19 มี.ค.67 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,382.46 จุด ลดลง 3.48 จุด หรือ -0.25% มูลค่าซื้อขาย 54,059.85 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,391.21 จุด ต่ำสุด 1,382.46 จุด

นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 18,801.70 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 46.03 บาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 17,937.99 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 817.68 ล้านบาท

ทั้งนี้ พบรายการบิ๊กล็อตหุ้น AWC-F 5 รายการ จำนวน 4,530 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 17,938.80 ล้านบาท เทรดเฉลี่ย 3.96 บาท/หุ้น เกิดจากการปรับโครงสร้างของกลุ่มผู้ถอหุ้นรายใหญ่ โดย”ทีซีซีกรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด” ดำเนินการโอนหุ้น AWC 28.31% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดให้กับ บริษัท ทีซีซี รีเทล การทำรายการดังกล่าวจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 19- 20 มี.ค.67

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบแคบ ๆ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ประกอบกับรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันพรุ่งนี้ ส่วนผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0% ถึง +0.1% จากเดิม -0.1% และยกเลิกมาตรการ Yield Curve Control แต่มองเป็นสัญญาณที่ไม่ดี เพราะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สูงได้ จากที่ญี่ปุ่นมีความเข้มงวดนโยบายการเงินมากขึ้น เป็นเพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นดี ดังนั้นจึงต้องรอดูการประชุมเฟดอีกที่

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ ส่วนตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้จะบวกได้เล็กน้อย พร้อมให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิต และภาคบริการของทั่วโลกที่จะทยอยประกาศออกมาในวันที่ 21 มี.ค. และติดตามอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีนในวันที่ 20 มี.ค.

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (20 มี.ค.) นายอภิชาติ กล่าวว่า ตลาดคงจะแกว่งแคบ โดยมีแนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,395 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0% ถึง +0.1% ไม่มีนัยยะมากนัก เป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่น้อย ไม่มีผลต่อทิศทาง Fund Flow มองเป็นแค่การเปลี่ยนจากนโยบายผ่อนคลายมาสู่ปกติ และ BOJ ก็ไม่เร่งรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย เงินเยนก็คงจะยังอ่อนอยู่ ซึ่งจะดีต่อการส่งออกของญี่ปุ่น แต่ถ้าเงินเยนแข็งค่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็จะปรับตัวลง

“นโยบายของ BOJ ชัดเจนยังไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องรีบปรับ Carry trade เพราะการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้แค่นิดเดียว ไม่มีผลต่อทิศทาง Fund Flow แต่ก็ต้องรอดูว่าญี่ปุ่นจะมีมาตรการอะไรออกมาอีกหรือเปล่า เพราะได้มีการยกเลิกมาตรการ Yield Curve Control แล้ว ซึ่งวันนี้เงินเยนอ่อนค่ามาที่ 150.1 เยน/ดอลลาร์สหรัฐฯ จากเมื่อวานนี้เงินเยนอยู่ที่ 149.1 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และเคยทำ High ที่ 152 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถ้าเงินเยนอ่อนค่ามากกว่านี้แล้ว ญี่ปุ่นจะทำอย่างไร จะแทรกแซงยังไง เพราะไม่มี Yield Curve Control แล้ว คงจะต้องติดตามดูต่อไป ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐตอนนี้ก็ไม่ได้อ่อนค่า ยังคงอยู่ในสถานะที่แข็งค่าอยู่จนกว่าจะรู้ผลประชุมเฟด อิทธิพลของเฟดมีมากกว่าคงจะต้องจับตาดูการประชุมเฟด ซึ่งโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีน้อย”

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 124.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.40% มูลค่าซื้อขาย 1,775.77 ล้านบาท
ADVNAC ปิดที่ 210.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +0.48% มูลค่าซื้อขาย 1,708.51 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 154.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.32% มูลค่าซื้อขาย 1,635.35 ล้านบาท
AOT ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -1.52% มูลค่าซื้อขาย 1,330.92 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 56.25 บาท ราคาไเม่ปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 1,269.06 ล้านบาท