ดาวโจนส์ปิดบวก 75 จุด จับตาธนาคารกลางประเทศหลักประชุม

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 75 จุด จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จับตาการประชุมของธนาคารกลางประเทศหลักในสัปดาห์นี้ เริ่มจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางญี่ปุ่น ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI”เพิ่มขึ้น 1.68 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.72 ดอลลาร์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 18มีนาคม 2567 38,790.43 จุด เพิ่มขึ้น 75.66 จุด หรือ +0.20% จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่จับตาการประชุมของธนาคารกลางประเทศหลักในสัปดาห์นี้ ตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ธนาคารกลางอังกฤษ ไปจนถึงธนาคารกลางญี่ปุ่น

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,149.42 จุด เพิ่มขึ้น 32.33 จุด, +0.63%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,103.45 จุด เพิ่มขึ้น 130.27 จุด, +0.82%

หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่จัดเป็นกลุ่ม Magnificent Seven นำการปรับขึ้นด้วยกระแสปัญญาประดิษฐ์(AI) ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 กลับมาบวกหลังตกลงติดต่อกันสามวันและดัชนี Nasdaq 100 ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นอัลฟาเบท บริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 4.6% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทแอปเปิ้ลกำลังเจรจากับกูเกิลเพื่อนำ AI เจมิไน(Gemini) มาใช้ใน iPhone
      
หุ้น Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่บวก 0.7% ขณะที่นักลงทุนจับตางาน NVIDIA GTC 2024 ที่เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) ซึ่งคาดหวังว่าบริษัทจะโชว์เคส ชิป AI ใหม่
      
เจย์ แฮทฟิลด์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Infracap กล่าวว่า ตลาดวันนี้เป็นการสลับกลุ่มเข้าสู่เทคโนโลยี เพราะอยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนตัวตามปัจจัยฤดูกาล และนักลงทุนไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำอย่างไร ดังนั้นจึงสลับการลงทุนระหว่างการขายเทคโนโลยีกับการขายกลุ่มอื่นในตลาด
      
แฮทฟิลด์ คาดว่า ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวของอีกครั้งในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลการรายงานผลประกอบการครั้งถัดไปจะเริ่มขึ้น
      
ตลาดยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศหลักเกือบครึ่งหนึ่งของโลก สัปดาห์นี้ถือเป็นการประชุมพร้อมกันครั้งสำคัญที่สุดในโลกสำหรับปี 2024 จนถึงปัจจุบัน ที่ครอบคลุมการพิจารณาต้นทุนการกู้ยืมของ 6 ใน 10 สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุด
      
สำหรับการประชุมของเฟดจะเริ่มขึ้นในวันอังคารและเสร็จสิ้นในวันพุธ ความสนใจหลักจะอยู่ที่ Dot Plot หรือประมาณการดอกเบี้ยที่จัดทำ เพื่อประเมินว่าผู้กำหนดนโยบายคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกี่ครั้งในปีนี้
      
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในปี 2024 จากความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง และบรรดาเทรดเดอร์ยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยยังสูงอีกนาน ส่งผลให้เลื่อนเวลาการผ่อนคลายนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ออกไป
      
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 99% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ หลังอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและอัตราเงินเฟ้อขายส่งเดือนกุมภาพันธ์ร้อนแรงเกินคาด ส่วนการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนได้ลดลงเหลือประมาณ 55%
      
นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟดเป็นการลดลง 3 ครั้งครั้งละ 0.25% จากเดิมคาดไว้ 4 ครั้ง สาเหตุหลักมาจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเล็กน้อย
      
ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งประชุมวันที่ 18-19 มีนาคม ตลาดคาดว่าอาจจะประกาศยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อมากขึ้นเงินเยนผันผวนหลังจากรายงานข่าวว่าธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นพร้อมที่จะยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ จากการใช้เครื่องมือการกำหนดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล(yield curve control)

      
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นำโดยกลุ่มเทเลคอมที่ร่วงลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมันเพิ่มขึ้นหลังจากอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนเดือนกุมภาพันธ์สอดคล้องกับคาดการณ์
      
กลุ่มเทเลคอมลดลง 1.4% และเป็นวันที่ลดลงมากสุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนบวก 0.9%
      
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซบวก 0.5% หลังจากที่น้ำมันดิบเบรนท์พุ่งแตะ 86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงสั้นๆ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ก่อนที่จะถอยกลับไป ในขณะที่ยูเครนเริ่มโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซีย
      
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 0.4% นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่งาน NVIDIA GTC ของ Nvidia ในสหรัฐ
      
อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนเพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อนตามคาด และเพิ่มขึ้น 0.6% ต่อเดือน ทำให้มุมมองต่อเวลาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางยุโรปไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิถุนายน ที่คาดไว้
      
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาที่ 2.458%
      
นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้
      
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 503.94 จุด ลดลง 0.86 จุด, -0.17%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,722.55 จุด ลดลง 4.87 จุด, -0.06%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,148.14 จุด ลดลง 16.21 จุด, -0.20%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,932.68 จุด ลดลง 3.97 จุด, -0.02%
      
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 82.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 86.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล