เจพีมอร์แกนชวนซื้อ SCB, TTB, TSCO ปันผลสูง ต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อ

HoonSmart.com>>ซื้อหุ้นแบงก์วันนี้ถือไม่ถึง 2 เดือนรับผลตอบแทนเงินปันผลดี SCB ให้สูงสุด 6.88%  “เจพีมอร์แกน”เชียร์ ให้เป้าหมาย 130 บาท คาดจ่ายปันผลสูงถึง 80% ของกำไรไปอีกระยะหนึ่ง เพิ่มราคา TTB, TISCO ลดน้ำหนัก BBL, KTB  ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเฟดยังไม่รีบลดดอกเบี้ยสัปดาห์นี้ รอเดือนมิ.ย.คาดปีนี้ลง 3 ครั้ง ส่วนต่างชาติขายหุ้นไทยกว่า 2 พันล้านบาทเมื่อวันศุกร์ บล.หยวนต้าเตือนอย่าตกใจ เกิดจากปรับพอร์ตตามฟุตซี่ สรุปซื้ออีก 2,000 ล้านบาทต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 

ธนาคาร 8 แห่ง ประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD ให้สิทธิรับเงินปันผล ในเดือนเม.ย. 2567 และธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) ขึ้น XD ในวันที่ 7 พ.ค.2567  จากกำไรงวดครึ่งปีหลังและปี 2566 โดยบริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ครองแชมป์ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดประมาณ 6.88 % จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 7.84 บาท เทียบกับราคาหุ้นปิดที่ 114 บาท เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2567 ตามด้วยบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ให้ผลตอบแทน 5.75% และธนาคารกรุงไทย (KTB) แจกผู้ถือหุ้น 5.39%

บริษัทเจพีมอร์แกน คงคำแนะนำซื้อหุ้น SCB ให้ราคาเป้าหมาย 130 บาท มองว่าบริษัทฯยังคงจ่ายเงินปันผล 80%ของกำไรไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้ราคาหุ้นมั่นคง

ขณะเดียวกันปรับราคาเป้าหมายหุ้นธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) จาก 1.55 บาท เพิ่มเป็น 1.90 บาท และ TISCO จาก 95 บาท เป็น 100 บาท ให้ถือ เพราะเป็นหนึ่งในแบงก์ที่มีผลตอบแทนการลงทุนที่ดีที่สุดในช่วงที่ผ่านมา แม้คาดว่ากำไรในปีนี้จะลดลง อัตราผลตอบแทนปันผลสูงที่ 8% และมองว่าเมื่อหุ้นปรับตัวลง คาดว่าขึ้น XD ในวันที่ 24 เม.ย.นี้จะเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าเก็บหุ้น

เจพีมอร์แกน ลดน้ำหนักหุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) จาก”ซื้อ”เป็น”ถือ”หั่นราคาเป้าหมายลงเหลือ 150 บาท จาก 195 บาท แม้ตั้งสำรองหนี้สูงที่สุดในกลุ่ม 290% เทียบกับแบงก์อื่นอยู่ในช่วง 140-190% แต่ยังมีความเสี่ยงสูงในกลุ่มเช่นกัน จากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และลดราคาหุ้น KTB เหลือ 16.50 บาทจากเดิมให้ไว้ที่ 24 บาทมีอัตราผบตอบแทนปันผลที่ 7% อยู่ระดับเกือบล่างสุดของกลุ่ม แต่ยังมีข้อได้เปรียบจากแบงก์อื่นๆ ตรงที่เริ่มเน้น ROA และ ROE มากขึ้น  คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะเติบโตคงที่ในปี 2568-2569 หลังจากเพิ่มขึ้น 19% ในปีนี้ เพราะมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยต่อสินเชื่อสูงที่สุดเป็นอันดับสองอยู่ที่ 6.7% ขณะที่กลุ่มมี Coverage Ratio อยู่ที่ 175%

ส่วนธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ให้ราคาเป้าหมาย 105 บาท ยังคงแนะนำขายเช่นเดิม มองอัตราผลตอบแทนปันผล 6% และยังมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง

ด้านหุ้นกลุ่มธนาคารเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ส่วนหนึ่งเกิดจากถูกลดราคาเป้าหมายลง และชิงขายหุ้นก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการประชุมในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าการประชุมเฟดจะมีการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. 2567  คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.50% อย่างต่อเนื่อง น่าจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.นี้ จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายทั้งหมด 3 ครั้งในปีนี้ โดยเฟดคงต้องการเห็นเงินเฟ้อชะลอลงมาใกล้เป้าหมาย 2.0% มากขึ้นกว่านี้

ทั้งนี้ จังหวะและจำนวนครั้งในการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายยังขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ออกมาเป็นสำคัญ หากเงินเฟ้อปรับลดเร็วกว่าคาดและตลาดแรงงานชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญในระยะข้างหน้า มีโอกาสที่เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้

ส่วนตลาดหุ้นวันที่ 15 มี.ค.67 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,386.04 จุด ลดลง 8.89 จุด หรือ -0.64% มูลค่าซื้อขาย 49,752.04 ล้านบาท หลังจากนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,177.52 ล้านบาท บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่าแรงขายของต่างชาติ  -2,178 ล้านบาท หากหักฟุตซี่ Rebalance ออก ต่างชาติกลับเป็นยอดซื้อหุ้นราว 2,000 ล้านบาท นับเป็นการซื้อต่อเนื่องเป็นวันที่ 3

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า เฟดอาจไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ปรับตัวขึ้น สัปดาห์นี้ให้ติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 20 มี.ค., ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 19 มี.ค. และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 21 มี.ค. รวมถึงยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่จะทยอยออกมาด้วย ส่วนในประเทศให้ติดตามการพิจารณางบประมาณประจำปี 2567 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์นี้ มีแนวรับ 1,370 จุด แนวต้าน 1,405 จุด