CKP เรทติ้งหุ้นกู้เพิ่มเป็น’A-‘ ทริสมองการเงินแกร่ง ศักยภาพธุรกิจโต

HoonSmart.com>>”ซีเค พาวเวอร์ ” (CKP) ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้เป็น “A-” จาก “BBB+” โดยทริสเรทติ้งมองโครงสร้างหนี้ที่แข็งแกร่งขึ้น ทยอยคืนหนี้บริษัทย่อย การเงินมีเสถียรภาพ  กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพ เชื่อมั่นในความสม่ำเสมอของกระแสเงินสด หนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ ( CKP) หนึ่งในผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า บริษัท ซีเค พาวเวอร์ ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตตราสารหนี้  จาก “BBB+” เป็น “A-” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง  เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2568 และคงอันดับเครดิตองค์กร (Company Rating) ที่ระดับ “A-” และแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยอันดับเครดิตที่ปรับสูงขึ้นนี้สะท้อนถึงโครงสร้างหนี้ที่แข็งแกร่งขึ้น จากการบริหารหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ การทยอยลดภาระหนี้ของบริษัทย่อย และการรักษาระดับความสามารถในการชำระหนี้ให้อยู่ในเกณฑ์แข็งแกร่ง ส่งผลให้ภาพรวมทางการเงินมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับปัจจัยของการปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้มาจากการทยอยลดลงของหนี้สินระยะยาวของบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2  (NN2) และ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น  (BIC) ส่งผลให้ระดับความเสี่ยงเรื่องการด้อยสิทธิในการเรียกร้องชำระหนี้ของบริษัทเทียบกับบริษัทย่อยลดลง

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ควบคู่ไปกับการบริหารหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถรักษาระดับความสามารถในการชำระหนี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแกร่งท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน และที่สำคัญทริสยังคงเชื่อมั่นในความสม่ำเสมอของกระแสเงินสดในระดับสูงจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมถึงการมีพอร์ตโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพ ซึ่งช่วยสนับสนุนการดำเนินงานให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับฐานะการเงินของ CKP มีโครงสร้างทางการเงินที่ดีเช่นเดิม โดย ณ วันที่ 31ธ.ค. 2567 บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 1.86 เท่า เพิ่มขึ้น 0.18 เท่าจากปีก่อน สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.52 เท่า โดยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” สะท้อนความเชื่อมั่นของทริสว่า กลุ่มโรงไฟฟ้าของ CKP ยังคงมีผลการดำเนินงาน และความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง

สำหรับแผนงาน ปี 2568-2573 CKP ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตจากโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งในรูปแบบ Private PPA และ ยื่นประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเฟส 2 จากภาครัฐ ควบคู่ไปกับการขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) ด้านโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ที่ร่วมกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพหรือ BEM ในเฟสแรก จะทยอยแล้วก่อสร้างแล้วเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ BEM ได้ครบทุกโครงการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 ขณะที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบาง มีความคืบหน้าการก่อสร้าง ณ สิ้นปี 2567 ที่ร้อยละ 42 และคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตามแผนในปี 2573  ทั้งนี้ CKP พร้อมสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมการลดการใช้พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานตลอดห่วงโซ่คุณค่าขององค์กร เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

ปัจจุบัน CKP ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 18 แห่ง รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 3,640 เมกะวัตต์