CKP บวก 1.55% เล็งกำไรปีนี้กลับมาโต-คืบหน้าโครงการหลวงพระบาง

HoonSmart.com>>หุ้น CKP บวก 1.55% สองโบรกฯเชียร์”ซื้อ”คาดกำไรปีนี้จะกลับมาโต จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นหลังคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น ความคืบหน้าของโครงการหลวงพระบาง คาดเริ่มเปิดเดินเครื่องได้ในปี 71 และเริ่ม COD ได้ ม.ค.73 สร้างกำไรส่วนเพิ่มให้ CKP จำนวนมาก

เมื่อเวลา 14.46 น.หุ้น CKP บวก 1.55% มาที่ 3.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 17.08 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.88 บาท ขึ้นสูงสุด 3.94 บาท และต่ำสุด 3.86 บาท

บล.กรุงศรี แนะนำ”ซื้อ”หุ้น บริษัท ซีเค พาวเวอร์ (CKP) คาดกำไรปีนี้ (2567) กลับมาเติบโตหลังจากกำไรปี 66 ที่ 1.5 พันล้านบาท (-40%YoY) ลดลงแรงจากฐานสูงในปีก่อน โดยหลักจากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงมากจากไซยะบุรี -59%YoY เหลือ 857 ล้านบาท ตามปริมาณน้ำลดลงและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น Consensus ก็คาดว่ากำไรปีนี้จะกลับมาเติบโตที่ 1.8 พันล้านบาท (+23%YoY) จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยในอดีต (จากระดับต่ำในปี 66)จากคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรจากน้ำงึม 2 และไซยะบุรีเพิ่มขึ้น รวมถึงกำไรของ SPP (BIC) เพิ่มขึ้นตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง YoY และคาดค่าไฟฟ้าคงที่ตลอดปีนี้(ตามการกำหนดค่า Ft ของ กกพ.ล่าสุด)นอกจากนั้น หากอัตราดอกเบี้ยตลาดลดลงจะส่งผลบวกอย่างมากต่อค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย เนื่องจากบางส่วนกู้เงินเป็นดอลลาร์ ซึ่งต้นทุนยังสูงอยู่โดยเฉพาะไซยะบุรี

CKP ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/67 จะยังขาดทุนอยู่ แต่ผลขาดทุนน่าจะลดลง YoY งานก่อสร้างที่ไซต์งานของโครงการหลวงพระบางคืบหน้าไปด้วยดีงานก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 25.8% ณ เดือนก.พ.67 ซึ่งเร็วกว่ากําหนดเล็กน้อย และ คาดว่าน่าจะเริ่มเปิดเดินเครื่อง (unit operation period หรือ UOP) ได้ในปี 71 และเริ่มเปิดดําเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือนม.ค.73 โดยโครงการนี้จะมีจํานวนกังหันหลัก 7x200MW และกังหันช่วย (auxiliary turbine) 60 MW สําหรับกระแสน้ำเพื่อดึงดูดปลา โครงการมีการจัดหาเงินทุนจาก Project financing เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีสัดส่วน D:E อยู่ที่ 2.75 เป็นสินเชื่อ 1.15 แสนล้านบาท (72/28 THB:USD จากธนาคารในประเทศไทย) ทั้งนี้ คาดว่าโครงการนี้จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละ 6,688GWh ต่ํากว่า XPCL9.2% แม้ว่ากําลังการผลิตจะสูงกว่าก็ตาม เนื่องจากลำน้ำสาขาน้อยกว่า

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ”ซื้อ”หุ้น CKP ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท มีประเด็นบวกหนุนจากกำไรที่กลับมาเติบโตในปีนี้ และความคืบหน้าของโครงการหลวงพระบาง อีกทั้งแนวโน้มกำไรที่จะเพิ่มขึ้นในแต่ละไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 1 จนถึงจุดสูงสุดในไตรมาส 3/67 ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนคาดจะช่วยสนับสนุนราคาหุ้นต่อไป

โครงการหลวงพระบางช่วยหนุนการเติบโตระยะยาว โดยคาดจะสร้างกำไรส่วนเพิ่มจำนวนมากเมื่อก่อสร้างเสร็จในปี 73 ซึ่ง CKP ให้กับสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมควบคู่ไปด้วยกับการผลิตไฟฟ้า พร้อมคาดกำไรปีนี้กลับมาเติบโตหนุน โดยปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรของ SPP เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คาดกำไรปีนี้ (2567) กลับมาเติบโตหลังจากกำไรปี 66 ที่ 1.5 พันล้านบาท (-40%YoY) ลดลงแรงจากฐานสูงในปีก่อน โดยหลักจากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงมากจากไซยะบุรี -59%YoY เหลือ 857 ล้านบาท ตามปริมาณน้ำลดลงและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น Consensus ก็คาดว่ากำไรปีนี้จะกลับมาเติบโตที่ 1.8 พันล้านบาท (+23%YoY) จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยในอดีต (จากระดับต่ำในปี 66)จากคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรจากน้ำงึม 2 และไซยะบุรีเพิ่มขึ้น รวมถึงกำไรของ SPP (BIC) เพิ่มขึ้นตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง YoY และคาดค่าไฟฟ้าคงที่ตลอดปีนี้(ตามการกำหนดค่า Ft ของ กกพ.ล่าสุด)นอกจากนั้น หากอัตราดอกเบี้ยตลาดลดลงจะส่งผลบวกอย่างมากต่อค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย เนื่องจากบางส่วนกู้เงินเป็นดอลลาร์ ซึ่งต้นทุนยังสูงอยู่โดยเฉพาะไซยะบุรี

โครงการหลวงพระบาง ซึ่งถือหุ้นโดย CKP 50%, CK 20%, GULF 20%, และ บริษัท พีที ผู้เดียว 10% เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ในลาว แบบน้ำไหลผ่านตลอดปี ขนาด 1,460 MW (730 MWe)มีสัญญาสัมปทานกับรัฐบาล สปป.ลาว โดยมี กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าทั้งหมด 35 ปี อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 2.403 บาท/หน่วย มีงบประมาณก่อสร้าง 1.6 แสนล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 7 ปี กำหนด SCOD 1 ม.ค. 73 โดยมี CK เป็นผู้รับเหมาหลักด้วยมูลค่างานราว 1 แสนล้านบาท ด้วย CK เคยก่อสร้างโครงการไซยะบุรีมาก่อนทำให้นำประสบการณ์มาใช้ต่อยอด ช่วยให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น ตามแผน และคาดเป็นไปตามงบประมาณ

ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างช่วงที่ 1 ด้วยโครงสร้างเงินทุน 2.75x D/E ratio ทำให้ CKP ต้องลงทุนส่วน Equity รวม 2.1 หมื่นล้านบาท โดยได้ลงทุนไปแล้ว 4 พันล้านบาท คงเหลือลงทุนอีก 1.7 หมื่นล้านบาท (เฉลี่ย 2.5-3.0 พันล้านบาท/ปี ในช่วงปี 67-72)ทั้งนี้ ตามรายงาน IFA ที่เสนอต่อผู้ถือหุ้น หลวงพระบางจะสร้างส่วนแบ่งกำไรให้ CKP ราว 1.9 พันล้านบาท ในปี 73 และเมื่อหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยแล้ว โดยคาดว่าจะสร้างกำไรส่วนเพิ่มราว 1 พันล้านบาท ให้กับ CKP หรือคิดเป็นกำไรส่วนเพิ่ม 68% จากฐานกำไรปี 66 ที่ 1.5 พันล้านบาท