GULF เทรดสนั่น 3 เม.ย.นี้ ไม่มีซิลลิ่ง ยูโอบีให้เป้า 70 บาท เรทติ้งเพิ่มเป็น AA-

HoonSmart.com>>บริษัทใหม่ “กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์” (GULF) กลับเข้าซื้อขายใน SET 3 เม.ย.นี้ ทุนใหญ่ 14,939,837,683 บาท ราคาวันแรกไม่มีซิลลิ่ง-ฟลอร์ งบเสมือนปี 67 กำไร 21,383 ล้านบาท รายได้  124,622 ล้านบาทจาก 6 ธุรกิจแกร่ง บล.    ยูโอบีฯให้เป้า 70 บาท คาดปี 68 ฟาดกำไรปกติ 22,800 ล้านบาท โต 20%  ทริสฯเพิ่มเรทติ้งจาก “A+”เป็น “AA-” ผงาดพลังงาน-โครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาค เข้าถือหุ้นใหญ่ ADVANC  ด้าน VGI  เบียดเข้า SET50, ROJNA เข้า SET100 แทน

ตลาดหลักทรัพย์รับหลักทรัพย์ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 3 เม.ย.2568  กลุ่มทรัพยากร หมวดธุรกิจ พลังงานและสาธารณูปโภค มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 14,939,837,683 หุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท รวมทุนชำระแล้ว 14,939,837,683 บาท

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่มีการกำหนดราคาซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ของหุ้น GULF ในวันแรกที่มีการซื้อขาย ส่วนวันถัดไป Ceiling & Floor จะถูกปรับให้เป็นไปตามเกณฑ์ปกติ ขึ้นและลงไม่เกิน 30% ของราคาวันก่อนหน้า

GULF ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) โดยมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ คือ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูโภค และดิจิทัล จากข้อมูลทางการเงินเสมือนในปี 2567 มีกำไรสุทธิ 21,382.9 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 1.43 บาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3,390.2 ล้านบาท เติบโต 18.84% จากปี 2566 ที่ทำได้จำนวน 17,992.7 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.20 บาท มูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 22.22 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 21.92 บาทในปี 2566

ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 124,621.6 ล้านบาท ในปี 2567 มาจาก 6 ธุรกิจหลัก ส่วนใหญ่ประมาณ 89% มาจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ 111,009  ล้านบาทอันดับที่สองคือ รายได้อื่นๆ 3,733 ล้านบาท สัดส่วน 3.0% เช่น เงินปันผลรับ ดอกเบี้ยรับ  และอันดับสาม มาจากโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค 3,616 ล้านบาท สัดส่วน 2.9%

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจก๊าซ และธุรกิจดิจิทัล อยู่ระหว่างการพัฒนาหลายโครงการ หากแล้วเสร็จจะสร้างการเติบโตในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจุบันธุรกิจไฟฟ้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม  15,100 MW คิดเป็นสัดส่วนความเป็นเจ้าของ 8,594 MW หากโครงการพัฒนาเสร็จ มีกำลังการผลิตรวม  23,356 MW สัดส่วนความเป็นเจ้าของ  12,750 MW ในปี 2576

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า GULF หลังควบรวมกิจการแล้วเป็นบริษัทใหม่ ฝ่ายวิจัยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 70 บาท ซึ่งพอร์ตของถือว่าแข็งแกร่งมาก พอร์ตธุรกิจไฟฟ้าเป็น IPP เกือบทั้งหมด จึงไม่รับผลกระทบจากการลดค่าอัตราไฟฟ้าผันแปร หรือ Ft ของภาครัฐฯ และยังมีธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและธุรกิจท่าเรือ ที่จะมาช่วยหนุนการเติบโต รวมไปถึงการเข้าไปลงทุนใน ADVANC และ KBANK ทำให้ได้รับเงินปันผลจำนวนมาก ซึ่งสถานะของ GULF จัดว่ามีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งสุด ๆ

สำหรับปี 2568 ผลดำเนินงานของ GULF คาดว่าจะมีกำไรปกติ 22,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% จากปี 2567

นอกจากนี้ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ ยังได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรจาก “A+” เป็น “AA-” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง  (TRIS) พร้อมเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ เป็น “AA-” จาก “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่”

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตครั้งนี้สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของ GULF ภายหลังการควบรวมกิจการกับบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์  (INTUCH) ตลอดจนกระแสเงินสดที่มั่นคง การกระจายการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการได้รับเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) นอกจากนี้ การควบรวมกิจการยังช่วยลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และเสริมสร้างศักยภาพร่วมกันระหว่างธุรกิจพลังงานและธุรกิจดิจิทัล

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF กล่าวว่า การได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเป็น “AA-” สะท้อนถึงความสำเร็จของการควบรวมกิจการ ซึ่งไม่เพียงแต่จะขยายขนาดสินทรัพย์ ฐานทุน และ EBITDA ให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ตัวชี้วัดเครดิตและความสามารถในการลงทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ หลังจากการควบรวมกิจการ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ของบริษัทใหม่จะลดลง เปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายการลงทุน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาวต่อไป

ภายหลังการควบรวมกิจการ GULF จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาค พร้อมศักยภาพในการขยายโอกาสการลงทุนสู่ภาคธุรกิจที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจพลังงานและธุรกิจดิจิทัล ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทจะมีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและครบวงจรยิ่งขึ้น ครอบคลุมธุรกิจพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน ดิจิทัล และการลงทุน

บริษัท ADVANC แจ้งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ จาก INTUCH  เป็น  GULF  ณ วันที่ 1 เม.ย.2568  ถือหุ้นจำนวน 1,202,712,000  หุ้น สัดส่วน 40.44%ของทุนชำระแล้ว

ตลาดหลักทรัพย์ประกาศนำหุ้น VGI เข้า SET50 และ ROJNA เข้า SET100 แทน GULF ที่รวม INTUCH มีผล 2 เม.ย.  2568