HoonSmart.com>>บลจ.กสิกรไทย (KAsset) ชี้แผ่นดินไหวหนุนหุ้นเกี่ยวข้องก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างฟื้นตัวเร็ว มองผลกระทบต่อผู้ออกตราสารหนี้มีจำกัด จับตากลุ่มพัฒนาอสังหาฯ ท่องเที่ยว อาจมีการชะลอซื้อและเดินทางในระยะสั้น พร้อมย้ำจัดพอร์ตลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงกลยุทธ์ Core-Satellite Portfolio กรณีไม่ต้องการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง ต้องการพักเงินระยะสั้น แนะกองทุน K-SF โอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย วิเคราะห์หุ้นไทย กลุ่มไหนได้-เสีย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว หากดูจากเหตุการณ์ในอดีต ตลาดหุ้นมักปรับตัวลงทันทีหลังเกิดแผ่นดินไหวจากแรงขาย Panic
🇯🇵 ญี่ปุ่น – Tōhoku Earthquake แผ่นดินไหวขนาด 9.0+ และคลื่นสึนามิ (มี.ค.2554)
• Nikkei 225 ปรับตัวลง: 1 วัน -6.2% และ 1 สัปดาห์ -16% เนื่องจากความเสียหายค่อนข้างเยอะ และมีสึนามิ รวมถึงมีความกังวลด้าน nuclear crisis
• Sector ที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ พลังงาน, ประกันภัย
• Sector ที่ฟื้นตัวเร็ว ได้แก่ ก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง
🇮🇩 อินโดนีเซีย – Sulawesi Earthquake แผ่นดินไหวขนาด 7.5 และคลื่นสึนามิ (ก.ย.2561)
• Jakarta Composite Index: -1.8% ในวันแรก และฟื้นตัวใน 2 สัปดาห์
• Sector ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ท่องเที่ยว, บริโภค
• Sector ที่ฟื้นตัว ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง, เทคโนโลยี
บลจ.กสิกรไทย มองกรณีของไทย ผลกระทบต่อตลาดหุ้นอาจคล้ายคลึงอินโดนีเซียมากกว่า เนื่องจากความเสียหายอยู่ระดับไม่มาก โดย Sector ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับภัยพิบัติมักได้รับผลกระทบมาก เช่น ประกัน ท่องเที่ยว อสังหาฯ บริโภค และ Sector ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟู เช่น ก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง มักเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวเร็ว
นอกจากนี้มองเวลาฟื้นตัวของตลาดส่วนใหญ่ 1 สัปดาห์ถึง 3 เดือน ขึ้นกับความเสียหายจริง มาตรการรัฐ และ Sentiment นักลงทุนประเทศที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและการสื่อสารที่ดี มักฟื้นตัวเร็วกว่า
สำหรับมุมมองการลงทุน แม้ตลาดหุ้นจะมีความผันผวนในระยะสั้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นในกรุงเทพฯ จากข่าว ณ ปัจจุบัน (29 มี.ค.2568) อยู่ที่ ประมาณ 3-5 พันล้านบาท นั้นถือว่าค่อนข้างจำกัดในเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งหากอ้างอิงกรณีอินโดนีเซียปี 2561 ตลาดฟื้นตัวภายใน 2 สัปดาห์ โดยระยะเวลาในการฟื้นตัวของตลาด ขึ้นอยู่กับมูลค่าความเสียหายหากเพิ่มขึ้น และการสื่อสารมาตรการฟื้นฟูเพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่น
บลจ.กสิกรไทย แนะนำ การจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยงโดยใช้ Core-Satellite Portfolio
ส่วนของ Core พอร์ต ลงทุนในกองทุนผสม แนะนำ K-WealthPLUS Series
พอร์ต Satellite เน้นลงทุนไปในกองทุนกลุ่มที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงระยะสั้น-กลาง แนะนำกองทุน K-GSELECT K-GTECH K-USA K-VIETNAM และ K-PROPI
กองทุนตราสารหนี้ เช่น K-FIXEDPLUS จะได้รับประโยชน์จากช่วงที่ดอกเบี้ยโลกและไทยกำลังอยู่ในวัฏจักรขาลง
สำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และอยากพักเงินระยะสั้น เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก แนะนำ K-SF (ที่มา: KAsset Investment Strategy 29 มี.ค.2568)
บลจ.กสิกรไทย ประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อตลาดตราสารหนี้ ดังนี้
ด้าน Credit คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยตรงจากสถานการณ์แผ่นดินไหวต่อบริษัทผู้ออกตราสารหนี้มีจำกัด อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามผลกระทบทางอ้อมจากความเชื่อมั่นของประชาชน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่อาจได้รับผลกระทบได้แก่ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และท่องเที่ยว ที่อาจมีการชะลอการตัดสินใจซื้อหรือเดินทางในระยะสั้น
ทั้งนี้ กองทุนตราสารหนี้ทุกกองทุนของ KAsset ลงทุนในผู้ออกตราสารที่มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง และเน้นการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม จึงคาดว่าไม่มีผลกระทบต่อกองทุนตราสารหนี้
ด้านสภาพคล่อง กองทุนตราสารหนี้ ทุกกองของ KAsset มีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถรองรับการทำธุรกรรมของผู้ลงทุนได้ตามปกติิ
ด้านตลาด ในระยะสั้นบรรยากาศการลงทุนจะมีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อตราสารหนี้ซึ่งเป็นสินทรัพย์มีความเสี่ยงต่ำในภาพรวม
กองทุนตราสารหนี้ที่ KAsset แนะนำ เพื่อช่วยปรับสมดุลให้พอร์ตการลงทุน
K-SF พักเงินระยะสั้น 1-3 เดือน สำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และอยากพักเงินระยะสั้น เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก
K-SFPLUS พักเงินระยะสั้น 3-6 เดือน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ผ่านการลงทุนในต่างประเทศ
K-FIXEDPLUS ลงทุนอย่างน้อย 1-1.5 ปี กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว ดูเรชั่น 2-4 ปี ที่ลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ
K-FIXED ลงทุนอย่างน้อย 1-1.5 ปี กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว ดูเรชั่น 2-4 ปี ลงทุนในไทยเท่านั้น (Morningstar 4 ดาว ณ 28 ก.พ.2568) ที่มา: KAsset Investment Strategy 29 มี.ค.2568