AH โชว์รายได้ปี 66 นิวไฮ 30,389 ลบ.โตสวนอุตฯ ปันผลอีก 0.95 บาท

HoonSmart.com>> “อาปิโก ไฮเทค” (AH) กวาดรายได้ปี 66 ทำนิวไฮแตะ 30,389 ล้านบาท เติบโต 7% สวนอุตสาหกรรมภาพรวมไทยชะลอตัว 2% เดินเกมปี 67 โตต่อในต่างประเทศ บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจรายได้ทั้งปีโตสูงกว่าอุตสาหกรรม พร้อมตอกย้ำสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง มีศักยภาพหาโอกาสลงทุน บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลครึ่งปีหลังอีก 0.95 บาท/หุ้น ขึ้น XD 14 มี.ค.นี้ รวมทั้งปีจ่าย 1.65 บาท/หุ้น

นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค (AH) เปิดเผยผลประกอบการปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 30,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,041 ล้านบาท หรือ 7% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้รวม 28,348 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลัก ไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน และรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว) จำนวน 1,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59 ล้านบาท หรือ 3.6% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ทำไว้ 1,704 ล้านบาท

จากข้อมูลสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) การผลิตรถยนต์ในประเทศไทยในปี 2566 หดตัวลงประมาณ 2% ในขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์เติบโตประมาณ 12% ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยลดลงประมาณ 9% โดยมีสาเหตุหลักมาจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยที่ชะลอตัว ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ประกอบกับสถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงสินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อรถยนต์ ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศ โดยเฉพาะรถปิคอัพได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก และมีการประมาณการยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยปี 67 ไว้ที่ 1.9 ล้านคัน เติบโต 3% จากปี 66

อย่างไรก็ตาม อาปิโกยังสามารถทำผลประกอบการทั้งปี 66 ได้ดีกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย จากการเติบโตของธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์การให้บริการรถยนต์ และการดำเนินธุรกิจในประเทศจีน โปรตุเกส และมาเลเซีย ซึงช่วยลดผลกระทบจากสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ ทำให้เห็นว่าบริษัทมีจุดแข็งในการกระจายความเสี่ยงเรื่องรายได้ ซึ่งการมีฐานการผลิตในหลากหลายภูมิภาค มีส่วนสำคัญในการลดการพึ่งพารายได้จากประเทศใดประเทศหนึ่ง

ในขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4/2566 บริษัทมีรายได้รวม 7,226 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์ภายในประเทศลดลง 12% และมีกำไรสุทธิหลัก (ไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน และรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว) 421 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายการค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างธุรกิจ ได้แก่ การยุติการดำเนินธุรกิจที่ไม่สร้างกำไร จำนวน 76 ล้านบาท รวมถึงรายการแปลงค่างบการเงินที่เคยรับรู้ในส่วนแบ่งกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น ที่เกี่ยวข้องกับการขายเงินลงทุนในบริษัท Sakthi Auto Company Limited (SACL) จำนวน 171 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับรู้การขาดทุนผ่านงบกำไรขาดทุนตามมาตรฐานทางบัญชี แต่ไม่มีผลกระทบต่อส่วนทุนผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ

“อาปิโกได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อให้การจัดสรรทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการทบทวนยุทธศาสตร์ และคอยติดตามผลการดำเนินงานของธุรกิจที่ได้เข้าไปลงทุนอย่างใกล้ชิด จึงตัดสินใจยุติธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและสภาวะตลาดที่ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างเหมาะสมทั้งในระยะกลาง และระยะยาว” นายเย็บ ซู ชวน กล่าว

ในปี 2567 นี้ บริษัทมั่นใจว่าจะยังคงสามารถทำรายได้เติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในประเทศไทย จากปริมาณคำสั่งซื้อของลูกค้าในประเทศจีน โปรตุเกส และมาเลเซียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังคงเดินกลยุทธ์มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนี้ บริษัทยังมีสถานะทางการเงินและงบดุลแข็งแกร่ง มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนที่ 0.5 เท่าอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนที่ 1 เท่า และมีเงินสดและเงินฝากประจำ 3,339 ล้านบาท ทำให้มีความพร้อมสำหรับการพิจารณาโอกาสลงทุนใหม่ เพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับสากล

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ล่าสุด ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 ในอัตรา 0.95บาท/หุ้น รวมทั้งปีจ่ายเงินปันผล (1 ม.ค.- 31 ธ.ค. 66) ในอัตรา 1.65 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 1.56 บาทต่อหุ้น ในปี 2565 ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลถึง 6.9% โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับปันผล (Record Date) วันที่ 15 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 24 พฤษภาคม 2567