“EGCO”คาดปี’67โชว์กำไร ทำรายได้ 9,400 ล้านบาท

HoonSmart.com>>ผลิตไฟฟ้า คาดกำลังการผลิตปี 2567 รวม 7,996 เมกะวัตต์ ทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 9,400 ล้านบาท ดันกำไรปี 2567 เป็นบวก จากปี 2566 ขาดทุน 8,348 ล้านบาท ยืนยันโครงการ Yunlin เสร็จเดือนธ.ค.พร้อมส่งไฟและเริ่มรับรู้รายได้สิ้นปีนี้ เดือนม.ค.ปี 2568 รับรู้รายได้ 100% รวม 640 เมกะวัตต์

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทผลิตไฟฟ้า (EGCO) คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2567 จะออกมาเป็นบวก เนื่องจากการก่อสร้างโครงการ Yunlin การผลิตไฟฟ้าจากลม โดยจะสามารถติดตั้งเสากังหันลมในปีนี้ได้ 35 เสา รวม 80 เสา แล้วเสร็จในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ เพราะมีการเพิ่มเรือสำหรับติดตั้งเสาอีก 1 ลำ รวมเป็น 2 ลำ และอุปกรณ์ในการขุดเจาะเสาอีก 1 เครื่องมือ จากเดิมที่มีเรือ 1 ลำ โดยปีที่แล้วสามารถติดตั้งเสาได้ 23 ต้นภายใน 5 เดือน จะทำให้สามารถผลิตไฟได้ตามแผน โดยแต่ละเสามีกำลังการผลิตไฟได้ 8 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนภายในสิ้นปี 2567 และจะรับรู้รายได้เต็มกำลัง 100% คือ 640 เมกะวัตต์ในเดือนมกราคม 2568

“ปีที่ผ่านมาขาดทุน 8,384 ล้านบาท จากการปรับโครงสร้างทางการเงินของโครงการ Yunlin โครงการเดียวทั้งจำนวน เพราะมีความล่าช้าจากแผนเดิมถึง 2 ปี แต่จากการเพิ่มเครื่องมือในการติดตั้งเสา ปรับโครงสร้างทางการเงินแล้วในปี 2566 ในปีนี้จะไม่มีการรับรู้ผลขาดทุนอีก ในขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากโครงการอื่นๆ ยังคงเป็นไปตามปกติสร้างรายได้ในปีที่ผ่านมา 8,734 ล้านบาท ก็ยังเป็นรายได้ที่จะเข้ามาในปีนี้ จะมีบางโครงการที่หมดอายุ 1 โครงการ มีกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ ซึ่งไม่มีนัยสำคัญมากนัก”นายเทพรัตน์ กล่าว

นายเทพรัตน์ กล่าวว่า ปี 2567 จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 1,000 เมกะวัตต์ รวมของเก่าที่ยังเดินเครื่องต่อเนื่อง 6,999 เมกะวัตต์ จะทำให้ปีนี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 7,999 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 700-800 ล้านบาท โดยคิดคร่าวๆ จากค่าไฟหน่วยละ 4 บาท และสามารถขายไฟได้ประมาณ 70-80% จากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ 1,000 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะออกมาเป็นบวก จากปี 2566 ที่ขาดทุนสุทธิ

ทั้งนี้ บริษัทจะมีการลงทุนใหม่ 30,000 ล้านบาท ในการลงทุนและเดินเครื่องโรงไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และขยยพอร์ตโฟลิโอพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด โดยมีความได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกัน ก็จะเร่งรัดบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนงาน และบริหาร Portfolio และโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 40 แห่ง รวมทั้งธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะเน้นใช้เงินลงทุนจากสภาพคล่องของบริษัทเป็นหลัก ปัจจุบันมีเงินสดอยู่ในมือ 28,000 ล้านบาท หากไม่พอจะพิจารณาลดสัดส่วนการถือหุ้นในบางโครงการซึ่งจะทำให้ได้เงินสดเข้ามาหรือแลกหุ้นกับพันธมิตรในโครงการที่จะลงทุนใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้ใช้เหลืออีก 28,500 ล้านบาท ที่สามารถใช้ได้ แต่จะไม่พิจาณาแนวทางการกู้เงินเพราะต้นทุนอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ บริษัทฯจะมีการจ่ายเงินปันผลอีกในอัตรา 3.25 บาทต่อหุ้น จะทำให้ทั้งปี 2566 มียอดจ่ายปันผลทั้งหมดอยู่ที่ 6.50 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตรา เงินปันผลตอบแทนประมาณ 5% โดยจะมีการขออนุมัติจากที่ประชุมในวันที่ 12 เมษายน 2567

สำหรับราคาหุ้น EGCO วันที่ 29 ก.พ.2567 ปิดที่ 117.50 บาท ลดลง 12.50 บาท หรือ (-9.62%) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลการดำเนินงานที่ขาดทุน และนักวิเคราะห์มีการปรับราคาเป้าหมายลงจากเดิม 160 บาทต่อหุ้น เหลือ 125 บาทต่อหุ้น เพราะมองว่าโครงการ Yunlin จะยังส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานปี 2567

สำหรับผลประกอบการในปี 2566 EGCO Group มีรายได้รวม 56,983 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน 8,734 ล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากโรงไฟฟ้า Paju ES และ Linden Cogen ซึ่งสามารถทำกำไรได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่อง และโรงไฟฟ้า BLCP ที่มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม EGCO Group มีขาดทุนสุทธิ 8,384 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการปรับโครงสร้างทางการเงินและการถือหุ้นของโครงการ Yunlin ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่กระทบกระแสเงินสดและไม่กระทบอัตราส่วนทางการเงินตามเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2566 EGCO Group มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 28,862 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.31 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง