BGRIM พลิกมีกำไร 1,855 ล้านบ.ลุยเพิ่มกำลังการผลิตมุ่ง 10,000 MW

HoonSmart.com>>”บี.กริม เพาเวอร์” (BGRIM) เผยผลงานปี 66 พลิกมีกำไร 1,884.6 ล้านบาท เติบโตแข็งแกร่ง ทั้งเพิ่มกำลังการผลิต 667 เมกะวัตต์ อัตรากำไรต่อหน่วยดีขึ้น ขยายโครงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ แผนปี 67 เดินหน้าขับเคลื่อนความเป็นผู้นำด้านพลังงาน รุกเพิ่มพอร์ตพลังงานหมุนเวียน พร้อมตอกย้ำความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน บอร์ดอนุมัติปันผลอีก 0.18 บาท ขึ้น XD  13 มี.ค.67

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดผลประกอบการประจำปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1,884.6 ล้านบาท เท่ากับ 0.44 บาทต่อหุ้น พลิกจากขาดทุนสุทธิ   1,244.1 ล้านบาท หรือ 0.63 บาท ในปี 2565

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2566 มี
การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) อยู่ที่ 2,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 375 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตค่าก๊าซ

การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งนี้มีสาเหตุหลักมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ กำลังการผลิตจากโครงการที่เปิดดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 667 เมกะวัตต์ (MW), การฟื้นตัวของอัตรากำไรต่อหน่วยระหว่างราคาไฟฟ้าตามค่า Ft และต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ, ปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.2% และปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยที่ลดลง 2.5% จากการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2566 บี.กริม เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จในการขยายกำลังการผลิตสู่ 4 กิกะวัตต์ จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าหลายโครงการตามแผน ร่วมกับการลงทุนในตลาดที่สำคัญ ทั้งสาธารณรัฐเกาหลีและประเทศมาเลเซีย ตอกย้ำบทบาทในการ
ร่วมพัฒนาภาคพลังงานให้กับภูมิภาคอีกความสำเร็จที่สำคัญตลอดปีคือ การเดินหน้ากลยุทธ์ “Greenleap:Global and Green“ เพื่อก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการพลังงานหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกหลายโครงการ รวมถึงการได้มาซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาเพิ่มเติมอีก 698 เมกะวัตต์ และมีโครงการพลังงานลมที่อยู่ระหว่างพัฒนาที่สาธารณรัฐเกาหลีกว่า 1 กิกะวัตต์, โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่สาธารณรัฐอิตาลี 250-300 เมกะวัตต์,โครงการพลังงานหมุนเวียน Feed-in Tariff (FiT) ในประเทศไทย 339.3 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ ยังมีโครงการพลังงานหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในอีกหลายประเทศเช่น สาธารณรัฐฟิลิปปินส์, ราชอาณาจักรกัมพูชา, กรีซ, ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินงานในระยะยาว ที่มุ่งสร้างการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในพลังงานหมุนเวียนระดับโลก

บี.กริม เพาเวอร์ ยังมุ่งส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศ โดยในปี 2566 สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) รายใหม่ โดยมีการเชื่อมเข้าระบบรวม 52.1 เมกะวัตต์ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งมาจากการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการ รวมไปถึงการจัดหาใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) ให้กับลูกค้าและมุ่งต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในด้านความยั่งยืน ในปี 2566 บี.กริม เพาเวอร์ ที่ได้รับการการันตีผ่าน 3 รางวัล ได้แก่ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในเรตติ้งสูงสุด “AAA” จาก SET ESG Ratings , ติดอันดับ TheSustainability Yearbook โดย S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยคะแนนสูงสุด 10% แรกของอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคไฟฟ้าทั่วโลกใน Yearbook ปี 2567 นอกจากนี้ยังได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิก FTSE4Good Index อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความมุ่งมั่นในดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี มีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกัน บี.กริม เพาเวอร์ ให้ความสำคัญอย่างมากในด้านการบริหารจริยธรรม โดยได้รับการรับรองในฐานะสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) อย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและการบริหารจริยธรรมที่ดี

สำหรับทิศทางในปี 2567 ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า บี. กริม เพาเวอร์ มุ่งขยายการลงทุนในโครงการที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำทั้งในประเทศและต่างประเทศมุ่งมั่นร่วมขับเคลื่อนพลังงานสะอาดในการประกาศรับซื้อไฟฟ้าของรัฐบาลรอบถัดไปตามระเบียบว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) พร้อมเดินหน้าเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าตามแผนทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี นอกจากนี้ ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) รายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 50-60 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เสริมความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำภาคอุตสาหกรรมในระยะยาว

บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้าสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกขยายพอร์ตสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ในปี 2573 และบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593

ด้านคณะกรรมการบริษัทบี.กริม เพาเวอร์ ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.36 บาท สำหรับปี 2566 คงอัตราการจ่ายปันผลที่ 45% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน  โดยจ่ายระหว่างกาลแล้ว  0.18 บาท  เตรียมจ่ายงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท กำหนดวันขึ้น XD วันที่  13 มี.ค.นี้ และจ่ายปันผล วันที่  10 พ.ค. 2567 โดยจะนำเสนอขออนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ต่อไป