BCP ปี’66 สร้างประวัติศาสตร์ EBITDA 41,680 ลบ. กำไร 13,233 ลบ.

HoonSmart.com>>”บางจากฯ”(BCP) สร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (ออลไทม์ไฮ) สำหรับผลงานปี 66 หลังปิด  ดีลประวัติศาสตร์ เข้าซื้อหุ้นบริษัท บางจาก ศรีราชา-BSRC เดิม บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) มีรายได้ขายและบริการ 385,853 ล้านบาท โต 18%  EBITDA 41,680 ล้านบาท กำไร 13,233 ล้านบาท ส่วนแผนปี 67 ต่อยอดและเพิ่มมูลค่าจากการลงทุนขนาดใหญ่ในปีก่อน เป้าหมาย  EBITDA Synergy ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท/ปี   

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบางจากสร้างสถิติใหม่ในปี 2566 ด้วยผลการดำเนินงานสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ทุกกลุ่มธุรกิจมีการเติบโตและมีพัฒนาการที่สำคัญหลายด้านส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 385,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  18% จากปี 2565 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 41,680 ล้านบาท มีกำไร ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 13,233 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 9.27 บาท

สำหรับปี 2567 บางจากฯ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการขยายธุรกิจจากการลงทุนขนาดใหญ่ในปี 2566 โดยจะมุ่งเน้นสร้างและต่อยอด Synergy ระหว่างกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน กลุ่มธุรกิจการตลาด และกลุ่มธุรกิจบางจาก ศรีราชา โดยได้ปรับกลยุทธ์การบริหารงานเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากร เทคโนโลยีและสินทรัพย์ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้าง Platforms for Growth เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผ่านการบริหารโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง การขนส่งและการค้าน้ำมัน ธุรกิจการตลาด ตลอดจนธุรกิจสนับสนุน และการทำงานแบบบริการร่วม (Shared Services) ในระบบ Back Office เพื่อลดต้นทุนและก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดในภาพรวม โดยมีเป้าหมาย EBITDA Synergy ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี

ส่วนกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ยังมีแผนขยายอย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในธุรกิจต้นน้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน โดยจะพิจารณาโอกาสในการเติบโตเพิ่มเติมจากแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพอื่น ๆ ต่อไป ในขณะเดียวกัน ก็มุ่งมั่นร่วมบรรเทาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ สร้างโลกยั่งยืน ด้วยการเป็นโรงกลั่นแรกและโรงกลั่นเดียวในประเทศไทยที่ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ภายในไตรมาสแรกของปี 2568 ด้วยกำลังการผลิต 1,000,000 ลิตรต่อวัน

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในปี 2566 กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 120,100 บาร์เรลต่อวันหรือคิดเป็น  100% ของกำลังการผลิต แม้มีการปิดหน่วยการผลิตบางส่วนสำหรับการปรับปรุงตามมาตรฐานยูโร 5 โดยมี EBITDA รวม 14,794 ล้านบาท ลดลง  17% เทียบกับปี 2565 ปัจจัยหลักมาจากค่าการกลั่นพื้นฐานปรับลดลง จาก 14.33 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาเป็น 9.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (แต่ยังคงสูงกว่าค่าการกลั่นสิงคโปร์ที่ 6.84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เนื่องจาก Crack Spread ของทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันลดลงจากอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง ส่งผลให้สินค้าคงคลังขาดทุน อย่างไรก็ดี ธุรกิจการค้าน้ำมันโดยบริษัท BCPT เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากการจัดหาน้ำมันดิบให้กับโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง และการขยายตลาดน้ำมันดิบแบบ Overseas Trading มีธุรกรรมการซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันรวมเพิ่มขึ้น  59% จากปีก่อน

กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA รวม 3,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปี 2565 ด้วยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 6,490 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 9%  จากการฟื้นตัวของตลาดน้ำมันอากาศยานรวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายกับคู่ค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2566 มีสถานีบริการรวม 2,219 แห่ง (สถานีบริการบางจาก 1,389 แห่งและสถานีบริการเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นอีก 830 แห่งจากการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของ BSRC) สำหรับธุรกิจ Non-Oil ร้านกาแฟอินทนิลมีสาขา 1,020 สาขา และจุดชาร์จ EV กว่า 265 จุด

กลุ่มธุรกิจบางจาก ศรีราชา ภายใต้การดำเนินงานของ BSRC มี EBITDA รวม 997 ล้านบาท (ระยะเวลา 4 เดือนในปี 2566) โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชามีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 101,900 บาร์เรลต่อวัน แม้มีการปิดซ่อมบำรุง 40 วัน (ก.ย.-ต.ค.2566) ซึ่งภายหลังการซ่อมบำรุง กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและสร้างสถิติสูงสุดของปีที่ 143,800 บาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค.2566 ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันรวม 2,145 ล้านลิตร

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทบางจากมีกำลังการผลิตติดตั้งของโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งรวมอยู่ที่ 294,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงที่สุดในประเทศ โดยกำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้นของโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชาจะช่วยเสริมความต้องการของธุรกิจการตลาดของบางจากฯ ที่ปัจจุบันโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง กลั่นได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด

กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท บีซีพีจี (BCPG) มีการขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ขยายการลงทุนในคลังน้ำมัน ท่าเทียบเรือ และท่อขนส่งน้ำมันในจังหวัดเพชรบุรี เพื่อสร้างรายได้จากทรัพย์สินต่อเนื่อง ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ โดยในปี 2566 มี EBITDA รวม 4,219 ล้านบาท ลดลง 34% จากปี 2565

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท บีบีจีไอ  มี EBITDA รวม 667 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ได้รับประโยชน์จากปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซลและเอทานอลที่เพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อของ BSRC รวมถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ประกาศปรับส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากบี 5 เป็น บี 7

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่ มี EBITDA รวม 19,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  12% จากปริมาณจำหน่ายของ OKEA ที่เพิ่มขึ้น  74% เป็นผลจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวที่เพิ่มขึ้น โดยหลักจากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปี 2566 จากแหล่งผลิตที่รับโอนกิจการมาจาก Wintershall Dea ทั้งนี้ OKEA ประสบความสำเร็จในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม Hasselmus เสร็จสมบูรณ์ก่อนกำหนด และเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2566 ได้รับโอนสิทธิ์ในแหล่งปิโตรเลียม Statfjord ในสัดส่วน  28% ทำให้กำลังการผลิตของ OKEA ในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 35,000-40,0000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (ปริมาณการผลิตเฉลี่ยในปี 2566 อยู่ที่ 24,590 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) เพิ่มขึ้น  47% อย่างไรก็ตาม Statfjord มีปริมาณการผลิตและปิโตรเลียมสำรองน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้เกิดการตั้งด้อยค่าจากการลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นหลังหักภาษีจำนวน 619 ล้านโครนนอร์เวย์ (เทียบเท่า 2,040 ล้านบาท)

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2566 และความสามารถในการบรรลุเป้าหมายสำคัญต่างๆ เป็นปฐมบทของการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งไม่เพียงจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันให้บางจากฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการต่อยอดจากธุรกิจปัจจุบัน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต ปี 2567 จัดเป็นอีกหนึ่งปีที่สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจยังคงมีความท้าทาย

อย่างไรก็ดีด้วยยุทธศาสตร์และแผนดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ บางจากฯ พร้อมเติบโตสู่ทศวรรษที่ 5 โดยยังคงยึดมั่นในการสร้างความแข็งแกร่งให้ทุกย่างก้าวของธุรกิจเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและมั่นคง สร้างความยั่งยืนให้กับทั้งองค์กรและสังคมไทย ควบคู่กับการรักษาสมดุลที่ดีของความท้าทายด้านพลังงาน เพื่อส่งต่อความสุขที่ไม่สิ้นสุด ภายใต้วิสัยทัศน์ “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว”

คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้นำเสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังของปี 2566 ในอัตรา 1.50 บาทต่อหุ้น กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิเงินปันผลเป็นวันที่ 7 มี.ค.นี้ จ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 เม.ย.2567 รวมเงินปันผลในปี 2566 ในอัตรา 2 บาทต่อหุ้น