HoonSmart.com>> “บล.เมย์แบงก์” (MST) เปิดกำไรปี 66 ที่ 364.91 ล้านบาท ลดลง 42% จากปีก่อน เหตุรายได้ค่านายหน้าลดลงตามมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยตลาดหลักทรัพย์วูบ 30.53% นักลงทุนบุคคลเทรดลดลงเกือบ 40% ด้านรายได้ดอกเบี้ยกู้ยืมซื้อหลักทรัพย์พุ่ง 164 ล้านบาท บอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.11 บาท ขึ้น XD 6 มี.ค.นี้ จ่ายเงิน 26 เม.ย.67 ชงผู้ถือหุ้นต่ออายุโครงการออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท พร้อมออกหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured Notes) มูลค่ารวมไม่เกิน 4,200 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ MST เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2566 มีกำไรสุทธิ 364.91 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.64 บาท ลดลง 41.91% จากงวดปี 2565 กำไรสุทธิ 628.23 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.10 บาท
บริษัทฯ ชี้แจงกำไรลดลง เป็นผลจากรายได้ค่านายหน้าลดลง 466.41 ล้านบาท หรือ 28.29% เหลือ 1,182.42 ล้านบาท โดยรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 482.27 ล้านบาท หรือ 32.32% เหลือ 1,009.73 ล้านบาท เป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ลดลงจาก 76,772.85 ล้านบาท/วัน เหลือ 53,331.30 ล้านบาท/วัน หรือลดลง 30.53% และสัดส่วนนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทลดลง 39.02% เหลือ 33.82% เป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลลดลงจาก 29,957.14 ล้านบาท/วัน เหลือ 18,033.25 ล้านบาท/วัน หรือลดลง 39.80%
ส่วนรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 15.86 ล้านบาท หรือ 10.11% เป็น 172.69 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 103.22 ล้านบาท หรือ 41.01% เนื่องมาจาก ค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ลดลง 58.13 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินลดลง 43.73 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นลดลง 5.12 ล้านบาท
ในขณะที่ ค่าธรรมเนียมจากการขายและการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 3.76 ล้านบาท และมีรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 379.99 ล้านบาท หรือ 37% เป็น 1,406.96 ล้านบาท เนื่องมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 164.13 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยเงินฝากสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลเพิ้มขึ้น 144.53 ล้านบาท กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 41.21 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 30.12 ล้านบาท
ด้านค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 134.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.29% เป็น 2,277.69 ล้านบาท เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 206.94 ล้านบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 49.29 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น 8.30 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 108.54 ล้านบาทและ ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายลดลง 21.26 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2566 ในอัตรา 0.11 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date)ในวันที่ 7 มี.ค.2567 ขึ้น XD วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล 6 มี.ค.2567 และจ่ายเงิน 26 เม.ย.2567
พร้อมทั้งเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อพิจารณาอนุมัติการต่ออายุโครงการออกและเสนอขายหุ้นกู้จำนวนไม่เกิน 10,000 ล้านบาท หรือในเงินสกุลอื่นในจำนวนเทียบเท่า (ณ ขณะใดขณะหนึ่ง) อายุหุ้นกู้ 3 ปี เสนอขายภายในประเทศ และ/หรือ ต่างประเทศ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบันในต่างประเทศ และ/หรือบุคคลใดๆ ซึ่งอาจ เสนอขายครั้งเดียวเต็มจำนวนวงเงินหรือเสนอขายเป็นคราวๆไป
นอกจากนี้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured Notes) มูลค่ารวมไม่เกิน 4,200 ล้านบาท โดยมีหลักทรัพย์อ้างอิง หรือดัชนีอ้างอิง โดยอาจเป็น SET50 Index, SET100 Index, SET Index หรือ หลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักทรัพย์รายตัวกลุ่มของหลักทรัพย์ หรือดัชนีหลักทรัพย์อื่น