HoonSmart.com>>ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ผนึก 3 บลจ.ชั้นนำ คัดกลยุทธ์การปรับพอร์ตที่นักลงทุนต้องรู้ เพื่อรับมือการลงทุนยุค Trump 2.0 ที่กำลังทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนสูงขึ้นจาก สงครามการค้า นโยบายทางเศรษฐกิจที่เน้นการพึ่งพาภายใน แนวโน้ม อัตราดอกเบี้ยและค่าเงินที่มีความไม่แน่นอนสูง
ทั้งนี้ ในงานสัมมนา Investment Outlook 2025 : Navigating Thailand’s Economy and Financial Market in the Trump Era ที่จัดโดย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ร่วมกับ 3 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำ บลจ.อีสท์สปริง (Eastspring) บลจ. เอ็มเอฟซี (MFC) และ บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) กล่าวเปิดงานโดย นายสุวดิศ ดิสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารช่องทางการขาย ธุรกิจรายย่อยของธนาคารฯ เพื่ออัปเดทมุมมอง กลยุทธ์ และทิศทางการลงทุนปี 2568 รับมือกับการกลับมาของ โดนัลด์ ทรัมป์
เศรษฐกิจโลกไปทางไหน?
ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย บรรยายหัวข้อ Global Economic Update Y2568 ชี้ว่า IMF คาดวเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว โดยมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโต 2% แม้จะเผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้า เศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำกว่า 5% และได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนตัวลง เนื่องจากนโยบายการคลังแบบเป็นกลางของทรัมป์และความพยายามลดการขาดดุลการค้า เศรษฐกิจไทยโตชะลอลงเหลือ 2% ในครึ่งปีหลัง เพราะได้รับผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐฯ และแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
จากนโยบายของทรัมป์ในสมัยที่ 2 ประกอบด้วย ชะลอโลกาภิวัตน์ คือ ลดการพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศ สอง ส่งเสริมการนำอุตสาหกรรมกลับประเทศ สาม ใช้นโยบายการคลังแบบเป็นกลาง อาจทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น และสี่ ผลักดันให้ค่าเงินอ่อนค่าลงเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางการค้า จะกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก
กระจายความเสี่ยงท่าไหนดี?
นาย Patrick Chang ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนภูมิภาค (Regional CIO) กลุ่มซีไอเอ็มบี กล่าวหัวข้อ Investment Opportunity & Market Outlook แนะนำว่า เพื่อรับมือกับตลาดที่ผันผวนจากนโยบายการค้าของทรัมป์ ในปี 2568 นักลงทุนต้องจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง เพราะปรากฏการณ์ ‘Trump 2.0’ สร้างความผันผวนและความไม่แน่นอนในตลาดการลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ จีน และยุโรป
ดังนั้น ปัจจัยสำคัญสำหรับนักลงทุนปี 2568 คือความสามารถในการปรับตัว และความคล่องตัว โดยเฉพาะการจัดพอร์ตลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในตลาดพัฒนาแล้ว
ทั้งนี้ แนะนำตราสารหนี้สหรัฐฯ และตราสารหนี้คุณภาพสูง ที่จะให้ผลตอบแทนที่มั่นคงในช่วงตลาดผันผวน สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ (Gold) และการใช้กลยุทธ์ Covered Call Options ช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางภาวะตลาดผันผวน
สำหรับ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แนะลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะ AI มีโอกาสเติบโตและเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดสหรัฐฯ
ด้านตลาดจีน มีการฟื้นตัวอย่างน่าสนใจหลังรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตลาดยุโรปและอาเซียน เช่น กลุ่ม REITs ในตลาดสิงคโปร์มีผลตอบแทนน่าสนใจ
ความหลากหลายของสินทรัพย์และตลาดทุน จะช่วยรับมือความผันผวนและโอกาสที่เกิดขึ้นในตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
EM ราคาถูก เติบโตสูง?
นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ CFA รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) (Eastspring) กล่าวในหัวข้อ Finding Opportunities Amid Market Uncertainty ซึ่งทำการวิเคราะห์หลายแง่มุมของทรัมป์ทั้งการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจแล้ว สรุปออกมาว่า ทรัมป์ไม่เพียงแต่แสดงความเป็นนักเจรจาที่ชาญฉลาด แต่ยังเป็นนักสร้างภาพลักษณ์ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจและนโยบายการค้าระดับโลก สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและสร้างโอกาสในตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ฉะนั้น แม้จะมีความผันผวน แต่ช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ยังคงเติบโตต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแบ่งแนวทางการลงทุนระยะ 3-6 เดือนข้างหน้าเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ หุ้นเอเชีย หุ้นเติบโต ตราสารหนี้สหรัฐฯ และหุ้นกลุ่ม Defensive เช่น กลุ่มสุขภาพ
มองตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets หรือ EM) ยังมีโอกาสเติบโต แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เพราะมูลค่าหุ้นที่ถูกและมีความน่าสนใจ
แนะนำกองทุน ES-GQG ลงทุนในกองทุนหลักที่บริหารโดย Wellington เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีคุณภาพและศักยภาพในการเติบโตระยะยาวจากกระแสเงินสดอิสระที่แข็งแกร่ง
และกองทุน ES-USBLUECHIP ลงทุนในกองทุนหลักที่บริหารโดย T. Rowe Price เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯขนาดใหญ่และขนาดกลาง ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี แบบ “High Conviction”
Buy on Dip คืออะไร?
นายเชาวน์กร โชติบัณฑ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) บรรยายหัวข้อ How to Invest in Market Volatility in Trump Era ชี้ว่า นักลงทุนควรมองหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีในช่วงตลาดปรับฐาน
ยกตัวอย่าง buy on dip โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐานที่ยังแข็งแกร่ง เช่น GDP เติบโต 2% ตัวเลขการจ้างงานออกมาดี และการบริโภคขยายตัว สะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้เผชิญความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและการเงิน โดยเน้นหุ้นที่ยังคงได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ขยายตัว 2% และตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
กองทุนที่แนะนำ ได้แก่ MFC US Equity Premium Income Fund หรือ MUSPIN-H/UH เป็นกองทุนลงทุนในกองทุนหลักที่บริหารโดย J.P. Morgan เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยกระจายความเสี่ยงและคัดเลือกด้วยสไตล์ Defensive และใช้กลยุทธ์ Covered-call ควบคู่ เพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนของผลตอบแทนรวมไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม ในช่วงที่การลงทุนมีความผันผวน
Mag7 ถึงเวลาลดสัดส่วน?
นายปิยะภัทร์ ภัทรภูวดล, FRM ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) แนะนำว่า นักลงทุนอาจลดสัดส่วนในหุ้น Mag7 และหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ไปสู่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง รวมถึงนโยบายการปรับลดภาษีที่อาจจะเกิดขึ้น
กองทุนที่แนะนำ SCBRS2000 ลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ ผ่านดัชนี Russell 2000 แรงหนุนจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรต่อหุ้นของกลุ่ม Russell2000 ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญด้วยเช่นกัน
กองทุน SCBLEQA ลงทุนในกองทุนหลักที่บริหารโดย AllianceBernstein ที่ลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ