“คิงส์ฟอร์ด” วางแนวรับ 1,370–1,375 จุด แนะ SCCC-MINT

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” มองแนวโน้มดัชนีแนวต้าน 1,390 จุด ส่วนแนวรับ 1,370 – 1,375 จุด ตลาดรอติดตาม Fed Minutes ม.ค. ค่ำนี้ เพื่อจับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ แนะทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว อาหาร เก็งกำไร TTB รับปันผลครึ่งปีหลัง พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้ SCCC-MINT

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับ SET ที่ 1,370 – 1,375 จุด แนวต้าน 1,390 จุด ยังต้องติดตาม Fed Minutes เพื่อจับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ และรอรายงานกำไร บจ. Q4/66 แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,DOHOME,CPN ท่องเที่ยว AOT,MINT อาหาร GFPT,SNNP เก็งกำไร TTB หลังเตรียมจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง 0.055 บาท และทั้งปี 66 รวมอยู่ที่ 0.105 บาท คิดเป็น Dividend Yield 5.6%

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.17%,S&P500 -0.60%,Nasdaq -0.92% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -1.27% นำโดย Nvidia -4.35% ก่อนจะรายงานงบ Q4/66 ในช่วงปิดตลาดซื้อขายวันนี้ แต่ได้แรงหนุนจาก Walmart +3.2% รับกำไรดีกว่าคาด และเงินปันผลเพิ่มขึ้น 9% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.1% โดยกลุ่มทรัพยากร -1.8%, พลังงาน -1% และกลุ่มยานยนต์ปรับลดลง หลังหุ้นเรโนลด์ -4.6% รับข่าวยอดขายใหม่ใน ม.ค. -2.9%

ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม Fed Minutes ม.ค. เพื่อจับสัญญาณดอกเบี้ยในการประชุมเฟด 19 – 20 มี.ค.และวันพฤหัส รายงาน PMI ภาคผลิตสหรัฐ เบื้องต้น ก.พ. คาด 50.1 และ ม.ค. 50.7 , ภาคบริการ ก.พ. คาด 52.0 และม.ค. 52.5

ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับลดลง 1.01 ดอลลลาร์ อยู่ที่ 78.18 ดอลลลาร์/บาร์เรล, ส่วน Brent ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.13 ดอลลลาร์ อยู่ที่ 82.34 ดอลลลาร์/บาร์เรล หลัง IEA เผยอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปีนี้คาดเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากปีก่อน 50% ขณะที่ฝั่งอุปทานปีนี้คาดเพิ่มขึ้น 1.7 ล.บาร์เรล/วัน

ทองคำ Comex Gold เม.ย. ปรับขึ้น 15.70 ดอลลลาร์ อยู่ที่ 2,039.80 ดอลลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.17% อยู่ที่ 104.079 และจีนประกาศลด LPR 5 ปี ลง 0.25% อยู่ที่ 3.95%

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.285 %

ดัชนี BDI วานนี้ +3 จุด อยู่ที่ 1,632

BitCoin เช้านี้ +0.97% อยู่ที่ 52,157 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 36.04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ SCCC (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 153.00 บาท) บริษัทรายงานผลประกอบการ 4Q66 มีกำไรสุทธิที่ 827 ล้านบาท +88%QoQ และพลิกจาก 4Q65 ที่ขาดทุน โดยกำไรที่ดีขึ้นมาจากโครงการลดต้นทุนภายในและราคาพลังงานที่ลดลงทั้งถ่านหินและค่าไฟฟ้า ชดเชยปัจจัยลบจากอุปสงส์ธุรกิจซีเมนต์ในต่างประเทศได้ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายพิเศษจากการด้อยค่าฯ ยังลดลงจากไตรมาสก่อน

ส่วนแนวโน้ม 1Q67 ผลการดำเนินงานยังอยู่ในทิศทางที่ฟื้นตัว โดยตลาดในประเทศคาดหวังปัจจัยบวกรัฐบาลเร่งผ่านงบประมาณในช่วง 2Q67 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67 ที่ 2.96 พันล้านบาท +11%YoY ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 7 บาท/หุ้น คิดเป็น Div Yield 5% XD 22 ก.พ.67

หุ้น MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย BB Consensus 39.50 บาท) หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติ 4Q66 ดีขึ้น YoY QoQ ฟื้นตัวต่อเนื่องจากโรงแรมในโซนเอเชียเข้าสู่High Season ด้านปี67นี้ ต้นปียังมีสัญญานที่ดีจาก ปริมาณการจองห้องพักในไทยช่วงม.ค.-ก.พ. 67 ที่+20-30%YoY โดยในแผนงาน 3 ปี(67 – 69) MINT วางงบลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท 80% ลงในธุรกิจโรงแรม เพิ่มจำนวนโรงแรมในการบริหารขึ้นเป็น 780 แห่ง (จาก 530 แห่ง) และอีก 20% ลงในธุรกิจร้านอาหาร เป้าสาขา Chain แตะ 3,700 สาขา (จาก 2,600 สาขา)/เป้ารายได้รวมเฉลี่ยปีละ +8-10%YoY

ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิปี-67- 68 ของ MINT ที่ 8,154 ล้านบาท (+51%YoY) และ 9,389 ล้านบาท (+15%YoY)