ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 348 จุด S&P500 ทำนิวไฮรอบที่ 11

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์พุ่ง 348 จุด ดัชนี S&P500 ทำนิวไฮรอบที่ 11 แม้รายงานข้อมูลค้าปลีกซบเซา นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินช่วงเวลาเฟดปรับลดดอกเบี้ย ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
      
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ 38,773.12 จุด เพิ่มขึ้น 348.85 จุด หรือ +0.91% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้รายงานข้อมูลค้าปลีกที่ซบเซาทำให้กังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,029.73 จุด เพิ่มขึ้น 29.11 จุด, +0.58% ซึ่งเป็นระดับนิวไฮรอบที่ 11
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,906.17 จุด เพิ่มขึ้น 47.03 จุด, +0.30%

นักลงทุนกำลังจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อไร แต่ตัวชี้วัดบางส่วนได้ให้สัญญาณที่หลากหลาย

ข้อมูลใหม่ที่รายงานในเช้าวันพฤหัสบดี คือ ยอดค้าปลีกเดือนมกราคมลดลง 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งมากกว่าการลดลง 0.3% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาด และเมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้นเพียง 0.65% ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของผู้บริโภค ภายใต้สถานการณ์ที่เงินเฟ้อยังไม่ลดและอัตราดอกเบี้ยที่สูง และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง

นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาได้ถูกปรับลดลงเช่นกัน โดยรวมแล้ว รายงานดังกล่าวได้ลดความคาดหวังต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรก

เฟดสาขาแอตแลนตามองว่า เศรษฐกิจจะเติบโตที่ 2.9% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากการคาดการณ์ 3.4% เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์

นักเศรษฐศาสตร์ก็ปรับลดการคาดการณ์ลงเช่นกัน โดยโกลด์แมน แซคส์ปรับลดประมาณการ GDP ไตรมาสแรกจาก 2.8% เหลือ 2.5% หลังจากรายงาน ขณะเดียวกัน แบงก์ ออฟ อเมริกามองว่าจะเติบโต 0.8% ต่อปีในไตรมาสแรก ลดลงจากการคาดการณ์เบื้องต้นที่ 1%

ด้านกระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วว่า ลดลง 8,000 ราย มาที่ 212,000 รายซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน และต่ำกว่า 220,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

จีน่า โบลวิน ประธานกลุ่ม Bolvin Wealth Management กล่าวว่า ข้อมูลมีความซับซ้อน มีความแตกต่างกัน ตลาดจะผันผวน ในขณะที่นักลงทุนย่อยข้อมูลและประเมินทุกข้อมูล

สำหรับการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตในวันศุกร์ ซึ่งปกติจะไม่ได้รับความสนใจจากตลาดมากเท่ากับ CPI แต่จะได้รับการพิจารณาตรวจสอบอย่างละเอียดในครั้งนี้

แลร์รี เทนทาเรลลี หัวหน้านักกลยุทธ์ทางเทคนิคของ Blue Chip Daily Trend Report กล่าวว่า PPI ของวันพรุ่งนี้จะถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากตลาด และน่าจะมีผลต่อทิศทางในระยะสั้นทั้งตลาดตราสารทุนและพันธบัตร

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ก่อนการรายงานยอดค้าปลีก นักลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาที่ 40.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม ขณะที่ยังคงน้ำหนัก 82% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน

การรายงานผลประกอบการที่ใกล้เสร็จสิ้น ยังคงให้ภาพที่สับสนของบริษัทในอเมริกาอย่างต่อเนื่อง หุ้น ทริปแอดไวเซอร์ เพิ่มขึ้น 9% หลังจากผลการดำเนินงานดีกว่าคาดแต่หุ้นซิสโก้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ลดลง 2% หลังประกาศเลิกจ้างพนักงานและคาดการณ์แนวโน้มยอดขายอ่อนแอ หุ้นเดียร์ผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรลดลง 5% หลังจากที่ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรทั้งปี
            
            

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งส่งผลให้หุ้นฝรั่งเศสและเยอรมันแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนประเมินความคิดเห็นของประธานธนาคารกลางยุโรป นางคริสติน ลาการ์ด เกี่ยวกับกระบวนการทำให้เงินเฟ้อลดลงในยูโรโซน

หุ้น Renault บริษัทรถยนต์ฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 6.5% หลังจากรายงานอัตรากำไรและรายได้ที่เพิ่มขึ้น และการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้ดัชนีกลุ่มรถยนต์ของยุโรปแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบสองปี

การปรับขึ้นราว 2% ของหุ้น Pernod Ricard ก็มีส่วนหนุนดัชนี CAC 40

ดัชนี DAX ของเยอรมนียังทำสถิติสูงสุดในรอบวันด้วย และปิดเพิ่มขึ้น 0.6% ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

หุ้น Commerzbank ปรับขึ้นโดดเด่นในดัชนี เพิ่มขึ้น 5.5% หลังประกาศผลกำไรสูงสุดในรอบ 15 ปีในปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มเป้าหมายปี 2024 สำหรับดัชนี STOXX 600 เป็น 510 จุด ซึ่งคิดเป็น upside ประมาณ 5% จากระดับปัจจุบัน

นักลงทุนได้รับข้อมูลเชิงบวก หลังจากที่นางลาการ์ดชี้แจงรัฐสภายุโรปในกรุงบรัสเซลส์ว่าข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดนอกเขตยูโรโซนบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังกลับสู่เป้าหมายตามที่คาดการณ์ไว้

ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของอังกฤษเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 ซึ่งทำให้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 488.54 จุด เพิ่มขึ้น 3.30 จุด, +0.68%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,597.53 จุด เพิ่มขึ้น 29.13 จุด, +0.38%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,743.42 จุด เพิ่มขึ้น 66.07 จุด, +0.86% ซึ่งเป็นการปิดที่ใกล้ระดบสูงสุดระหว่างวัน
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,046.69 จุด เพิ่มขึ้น 101.21 จุด, +0.60%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 78.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 82.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล