‘อเบอร์ดีน’ ชูกอง ABSM หุ้นไทยกลาง-เล็กโตเด่น ‘บล.ลิเบอเรเตอร์’ ชี้เป้า 6 หุ้นเด็ดเก็บเข้าพอร์ต

HoonSmart.com>> “บลจ.อเบอร์ดีน-บล.ลิเบอเรเตอร์” เสริมแกร่งลงทุนลูกค้า คัด 3 กองทุนต่างประเทศติดพอร์ตปี 67 ส่วนหุ้นไทยมองหุ้นขนาดกลาง-เล็ก น่าสนใจ ชูกองทุน ABSM เน้น 4 ธีมลงทุนหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้าน “บล.ลิเบอเรเตอร์” คาดไตรมาส 1/67 ดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,350-1,420 จุด พร้อมคัด 6 หุ้นเด่นแนะลงทุนรับท่องเที่ยว เศรษฐกิจฟื้นตัว ชี้เป้า “CPALL-WHA-JMT-MASTER-SPA-COCOCO

นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปีนี้ บลจ.อเบอร์ดีนมอง 6 เดือนข้างหน้าเงินเฟ้อยังมีความผันผวน และส่งผลให้ตลาดการลงทุนผันผวนตาม เนื่องจากเงินเฟ้อยังไม่มั่นคงอย่างที่คาดการณ์ แต่ยังมั่นใจว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในขาลง ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตชะลอลง (Solf Landing) ที่ 3.25-3.5% ในสิ้นปีนี้ ต่ำกว่าตลาดเล็กน้อย โดยมองระยะกลางถึงยาว นโยบายการเงินจะเป็นตัวพยุงเศรษฐกิจ และคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยมากกว่าตลาดคาด ส่วนเงินเฟ้อจะลงเร็วกว่าตลาดคาดในครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนยุโรปผ่านจุดที่เศรษฐกิจชะลอตัวไปแล้ว ขณะที่ตลาดประเทศกำลังพัฒนายังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ยกเว้นจีนที่มีปัญหาภายในประเทศ

“อเบอร์ดีนคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัวลงในครึ่งหลังของปีนี้ แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ Investment Grade เนื่องจากมองราคาตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond ไม่เหมาะสม หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยแรงกว่าคาด High Yield Bond จะกระทบมากสุด ในขณะที่ส่วนต่างของผลตอบแทน High Yield Bond และ Investment Grade ไม่ได้มาก ปัจจุบันผลตอบแทน Investment Grade อยู่ที่ 6-7% ขณะที่ High Yield Bond อยู่ที่ 9-10%”นายพงค์ธาริน กล่าว

นอกจากนี้มองตราสารหนี้ในตลาดประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Market) น่าสนใจ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง ซึ่งจะเริ่มเห็นปรับลดลงในครึ่งปีหลัง ซึ่งไทยเป็นเป็นหนึ่งในประเทศที่คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลง 1 ครั้งในครี่งปีหลัง ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้น่าสนใจ

ส่วนแนวโน้มค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าจะอ่อนค่าลงใน 12 เดือนข้างหน้า แต่ในระยะ 1-3 เดือนนี้ค่าเงินเหรียญสหรัฐยังมีบทบาทและแข็งค่าจนกว่าตลาดจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยในช่วงเวลาใดและลดในอัตราเท่าไร จากปัจจุบันที่ค่าเงินสหรัฐฯยังแข็ง เพราะตลาดคาดว่าดอกเบี้ยยังไม่ลดลง ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ น่าสนใจจึงแนะนำมีติไว้ในพอร์ตประมาณ 20-30% คาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 6% ยังมีโอกาสได้เห็น

นอกจากนี้แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนใน “ตลาดหุ้นสหรัฐ” กลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่ยังมีโอกาสเติบโต จากเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง และระดับราคาหุ้นยังน่าสนใจ รวมถึงปัจจัยเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงแบบ Solf Landing และดอกเบี้ยขาลง เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนหุ้นไทยกลุ่มอเบอร์ดีนมองดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,406-1,560 จุด ใน 6-12 เดือนข้างหน้า โดยมองหุ้นขนาดกลางและเล็กน่าสนใจมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่

บลจ.อเบอร์ดีน แนะนำกองทุนต่างประเทศในปี 2567 ได้แก่ 1.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX) ความเสี่ยงกองทุนระดับ : 4 เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนบนความผันผวนที่ต่ำกว่ากับตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก ผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ abrdn SICAV I-Short Dated Enhanced Income Fund, Class Z Acc USD

2.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น ฟันด์ (ABGDD) ความเสี่ยงกองทุนระดับ:6 เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอพร้อมการเติบโตของเงินลงทุน เน้นลงทุนในหุ้นเด่นทั่วโลก ผสมผสานลงตัวระหว่างหุ้นเติบโต และหุ้นคุณค่าผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ abrdn SICAV I- Global Dynamic Dividend Fund

3.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อเมริกา โกรท-สมอลเลอร์ คอมพานี ฟันด์ (ABAGS) ความเสี่ยงกองทุนระดับ:6 กองทุนเฟ้นหาหุ้นเล็กอนาคตไกลในสหรัฐ ที่มีศักยภาพเติบโตแบบก้าวกระโดด เน้นลงทุนในหุ้นประเทศสหรัฐ หรือแคนาดาผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ abrdn SICAV I- กองทุนบริษัทขนาดเล็กในอเมริกาเหนือ Z Acc USD

ด้านน.ส.ดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดเติบโตประมาณ 3% กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (EPS) มองแบบอนุรักษ์นิยมต่ำกว่าตลาด 5% อยู่ที่ 91 บาท/หุ้น เติบโต 5% จากปีก่อนติดลบประมาณ 8% ส่วนที่น่าสนใจอยู่ที่ GDP ยังเติบโตและมีแนวโน้มดีกว่าปีก่อนเช่นเดียวกับ EPS ที่ยังเป็นบวก โดยมองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากสังคมผู้สูงอายุ ได้แก่ กลุ่มเฮลธ์แคร์ซึ่งมีแนวโน้มเติบได้อีกนาน กลุ่มท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยเพิ่มขึ้น ตลาดมองจาก 28 ล้านคนในปีก่อน เป็น 33-35 ล้านคนในปีนี้ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาไทยเพื่อเป็นฐานการลงทุนและประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการบริโภค เครื่องดื่ม

ขณะเดียวกันบลจ.อเบอร์ดีนมีความเชี่ยวชาญในการบริหารกองทุนหุ้นไทยขนาดเล็ก โดยมีกองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ (ABSM) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนใน 4 ธีมหลัก ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มการแพทย์และความงาม กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มการย้ายฐานการลงทุนของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งในพอร์ตจะมีหุ้น 20-30 ตัว โดยให้ความสำคัญในการคัดเลือกหุ้นที่มีคุณภาพและศักยภาพในการเติบโต ดีกว่าตลาดใน 3-5 ปีข้างหน้าและราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำ โดยการบริหารพอร์ตการลงทุนแบบเชิงรุก ซึ่ง 5 หุ้นที่กองทุนถือสูงสุดในพอร์ต ได้แก่ SISB , MEGA, WHA ,HUMAN และ PR9 รวมทั้งยังลงทุนหุ้น CENTEL, MOSHI เป็นต้น

ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 เคลื่อนไหวในกรอบ 1,350-1,420 จุด และคาดว่าสิ้นปีมีโอกาสขยับตัวขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,500 จุด ได้ โดยคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ในปีนี้อยู่ประมาณ 96.1 บาท/หุ้น ซึ่งปรับเป้าลงจากปีก่อนที่เคยมองที่ระดับกว่า 100 บาท/หุ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังไม่กลับมา แม้ว่าในช่วงต้นเดือนกุ.พ.จะมีแรงซื้อของต่างชาติกลับมาให้เห็นบ้าง แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น

“ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีจุดที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามา เนื่องจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังทำได้ไม่เต็มที่ ขณะเดียวกันคาดการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ประมาณ 3% ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ทหากทำได้จริงก็อาจจะเป็นเซอร์ไพรซ์ตลาด เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นแล้วจากความล่าช้าของโครงการ”นายวิจิตร กล่าว

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ 6 หุ้นเด่นได้รับผลบวกจากภาวะเศรษฐกิจ การบริโภคและท่องเที่ยวฟื้นตัว ได้แก่

CPALL ปัจจุบันราคาถูกมากเมื่อเทียบอดีต จึงมองอัพไซด์ยังมีอยู่มาก ราคาเป้าหมาย 70 บาท อีกทั้งคาดการณ์ผลประกอบการณ์ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ป็นทั้งค้าปลีกและค้าส่งที่แข็งแกร่ง รับอานิสงส์การท่องเที่ยว การฟื้นตัวของการบริโภค อีกทั้งการปรับโครงสร้างภายในของ CPAXT คาดจะหนุนผลประกอบการในปี 2568 ได้มากขึ้น

WHA ตอบรับภาพรวมธุรกิจที่เห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ปีก่อน และสัญญาณเทคนิคเริ่มฟื้น แม้ว่าผลประกอบการดีไม่เท่ากับปี 2566 เพราะฐานสูง แต่คาดภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยหนุน รวมถึงการเดินหน้าสานความสัมพันธ์อันดีกับหลายประเทศจะเข้ามาช่วยหนุนธุรกิจและการเคลื่อนย้ายฐานการลงทุน ซึ่งแนะนำรอจังหวะซื้อสะสมอาจมีการ Upgrade กลางปีจะทำให้โมเมนตั้ม Outperform โดยมีราคาเป้าหมาย 5.80 บาท

SPA รับภาคการท่องเที่ยวฟื้น ซึ่งนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคาดกำไรไตรมาส 4/2566 ทำนิวไฮและต่อเนื่องในปี 2567 ราคาเป้าหมาย 15.80 บาท

JMT คาดปีนี้ เศรษฐกิจเริ่มฟื้น มีโอกาสที่บริษัทสามารถจัดเก็บหนี้ได้เพิ่มมากขึ้น เพราะลูกหนี้กลับมามีรายได้มากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าซื้อหนี้เพิ่มในช่วงราคาถูก จึงมองแนวโน้มยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่กำไรไตรมาส 4/2566 ออกมาดีและคาดว่าในปี 2567 ยังออลไทม์ไฮ ซึ่งปัจจุบันราคายังถูก และมีราคาเป้าหมาย 39 บาท

MASTER คาดกำไรไตรมาส 4/2566 จะออลไทม์ไฮและแนวโน้มปีนี้ยังเติบโตได้ต่อจากความต้องการเสริมความงามยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ปีก่อนบริษัทปิดดีลร่วมทุนกว่า 10 ดีล ทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง ทำให้ในปีนี้จะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวรายได้จากการลงทุน ราคาเป้าหมาย 81 บาท

COCOCO ซึ่งคาดกำไรไตรมาส 4/2566 จะออลไทม์ไฮและต่อเนื่องในปีนี้เช่นกัน ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงที่ผ่านมา อาจเป็นการส่งสัญญาณเริ่มมีลูกค้าเข้ามา อีกทั้งปัจจุบันราคายังถูกเทรดที่พี/อี 10 เท่า ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 10.70 บาท

ทั้งนี้ บลจ.อเบอร์ดีน ร่วมกับบล.ลิเบอเรเตอร์ จัดสัมมนาอัพเดทสถานการณ์และแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกในปี 2567 ในหัวข้อ Aberdeen x Liberator ‘2024 Global Economic Outlook – After the hikes’ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา