PTG เปิดแผนธุรกิจปี’68 ชูบัตรสมาชิก-กาแฟพันธุ์ไทย หนุนโต

HoonSmart.com >> PTG เปิดกลยุทธ์ธุรกิจ 2568 ชูฐานสมาชิกบัตร PT Max Card (บัตรเขียว) และ PT Max Card Plus (บัตรแดง)  นำการเติบโต ตั้งเป้าขยายสาขากาแฟพันธุ์ไทย 600 สาขา พร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 2570 

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี่ (PTG) เปิดเผยกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจปี 2568  ภายใต้ Max Card , Max Growth และ Max World ว่า บริษัท ฯ เติบโตต่อเนื่องทั้งจากธุรกิจน้ำมัน (OIL) และ Non -Oil ซึ่งปีที่ผ่านมา Non-Oil เติบโตมากเป็นพิเศษ

สำหรับการเติบโตของธุรกิจน้ำมันปีนี้ ด้วย 3 กลยุทธ์ ขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมัน , การปรับปรุงสถานีบริการน้ำมัน และ การเพิ่มบัตรสมาชิกบัตรแดง-บัตรเขียว ตั้งเป้าปี 2570 มีสมาชิกบัตร 30 ล้านสมาชิก ซึ่งสิ้นปีที่ผ่านมา มีสมาชิกบัตรแดง 1.5 ล้านใบ ซึ่งเป็นบัตรที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 10,000 บาท ทั้งบัตรเขียว (สะสมแต้ม) และบัตรแดง สร้างการเติบโตและยอดขายให้กับธุรกิจน้ำมัน และ Non-Oil

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึง การเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทย ปีที่ผ่านมา เติบโตจากยอดขายของสาขาเดิม ( Same-Store Sales Growth) มากกว่า 36% และปี 2568 จะรักษาการเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ปีนี้ไม่น้อยกว่า 600 สาขา หรือสิ้นปีนี้ จะมีสาขาทั้งหมด  2,000 สาขา และปี 2571 มี 5,000 สาขา

“สิ้นปี 2568 กาแฟพันธุ์ไทย จะมี 2,000 สาขา และเตรียมตัวเข้าตลาดหุ้นในปี 2570 วันนี้พีที โตวัน โตคืน ทำคุณภาพสินค้าและบริการให้ดีขึ้น ทำงานหนัก เพื่อให้คนไทย อยู่ดี มีสุข” นายพิทักษ์ กล่าว

ด้านนายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน PTG กล่าวว่า บริษัท ฯ มีเป้าหมายก้าวสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 ผ่าน 3 กลยุทธ์  Reduce หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากกระบวนการในองค์กร เช่น ลดการใช้ไฟฟ้า

Reforestation 30% ผ่านการปลูกป่าชายเลน การฟื้นฟู และการปกป้องระบบนิเวศชายฝั่ง

Readjust Portfolio 60% การลงทุนธุรกิจแห่งอนาคต เช่น การลงทุนธุรกิจจัดเก็บขยะ

“พีที ไม่ได้มอง ESG เป็นเพียงมาตรฐาน แต่เป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ พีที เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เชื่อมต่อทุกคนให้เข้าถึง ชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ผ่าน Max Card และ Max Card Plus ซึ่งเป็นมากกว่าบัตรสะสมแต้ม แต่เป็นเครื่องมือสำคัญช่วยสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม” นายรังสรรค์ กล่าวทิ้งท้าย