“คิงส์ฟอร์ด” คาดดัชนี Sideways วอลุ่มบางช่วงตรุษจีน แนะ MTC-TU

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” ประเมินดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,410 จุด คาดวอลุ่มชะลอตัวช่วงเทศกาลตรุษจีน แนะซื้อกลุ่ม Defensive, ได้ประโยชน์ Bond Yield ลด, กลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น และหุ้นคาดกำไรดี พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้ MTC-TU

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET SET Index เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ Sideways แนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,410 จุด ช่วงสั้นปริมาณการซื้อขายอาจชะลอตัวลงในช่วงเทศกาลตรุษจีน แนะนำซื้อหุ้นกลุ่ม Defensive BH, BDMS กลุ่ม Bond Yield ลด MTC, TIDLOR กลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น PTTEP, TOP, BCP, BSRC รวมถึงเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการ 4Q66-1Q67 จะออกมาดีอย่าง CPALL, MOSHI, SABINA เป็นต้น

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.13%, S&P500 +0.06%, Nasdaq +0.24% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1.09%, อสังหา +0.56% และกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ตอบรับรายงานกำไรดีกว่าคาดของ Walt Disney และ ARM บริษัทออกแบบชิปในเครือ SoftBank

ดัชนี S&P500 ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นวันที่ 2 ได้แรงหนุนจากLSEG เผย บจ. มากกว่าครึ่งใน S&P500 ที่รายงานงบแล้ว จำนวน 80.6% รายงานกำไรดีกว่าคาด ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 9,000 ราย อยู่ที่ 218,000 และคาด 221,000 ราย ส่วนความเห็นของ ปธ.เฟดสาขาริชมอนด์ เผยไม่ควรรีบลดดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้ออาจกลับเพิ่มขึ้นได้ จากภาวะอุปสงค์และตลาดแรงงานสหรัฐที่แข็งแกร่ง โดยวันอังคารหน้าติดตาม CPI สหรัฐ ม.ค. คาด2.9% และ ธ.ค. 3.4% YoY

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 49.00 บาท) บริษัทรายงานกำไร 3Q66 ดีขึ้น QoQ, YoY เป็นไปตามสินเชื่อที่ขยายตัวสูง +21%YoY เป็นผลจากการขายสาขาจนถึง 7,365 สาขาสูงกว่าเป้าทั้งปี ด้าน Cost of fund สูงขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ย แต่ยังสามารถบริหารจัดการ Credit cost อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม หนุนให้อัตรากำไรสุทธิดีขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนแนวโน้ม 4Q66 กำไรโตต่อ QoQ, YoY สินเชื่อยังเติบโตได้ดีเน้นเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อมีหลักประกันและเพิ่มตุณภาพของพอร์ตเพื่อคุม NPL เกิดใหม่ ทั้งนี้หากอิง Consensus จะเห็นกำไรชะลอตัวในปี 66 ราว -5%YoY ก่อนจะกลับมาเติบโตในปี 67 ที่ 5.85 พันล้านบาท +20%YoY

หุ้น TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี67 17.80 บาท) คาดขาดทุนสุทธิ 4Q66 ที่ระดับ -17,110 ล้านบาท (จากกำไร 4Q65 ที่ +1,238 ลบ. และ 3Q66 ที่ +1,206 ล้านบาท) จากการตั้งสำรอง Red Lobster ที่ราว -1.85 หมื่นล้านบาท โดยหากตัดประเด็นดังกล่าวและ Extra Items อื่นๆออกไป เราประเมินกำไรปกติของ TU ในช่วง 4Q66 ที่ +1,623 ล้านบาท (-5%YoY, +10%QoQ) ในภาพ YoY ยังเห็นการปรับลดลงจากฐานสูง แต่ภาพ QoQ ฟื้นตัวได้ต่อจาก 1.ออเดอร์ที่กลับมาเป็นปกติมากขึ้น (Inventory ลูกค้าในช่วง 1H66 ที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูง) 2. ราคาต้นทุนปลาทูน่า ที่ปรับลดลงมาอยู่ในโซน 1600 usd/ton (จาก 1800 usd/ton ในช่วง 3Q66)

ส่วนภาพระยะถัดไป การถอนทุนจาก RL จะส่งผลให้ไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนเข้ามาในปี67 แล้ว ส่งผลให้ valuation สูงขึ้น ราว +2.0 บาท (17.80+2.00 บาท)