จัดพอร์ตหุ้นไทยแบบโปร ด้วย 3 กลุ่มพลังแกร่ง ต้านตลาดขาลงได้!

HoonSmart.com>>งานเขียนชิ้นนี้ จะพาคุณไปรู้จัก วิธีการจัดพอร์ตหุ้นไทย เทคนิคการเลือกหุ้นแกร่ง และหุ้นที่มีการเติบโตดี ที่จะพาคุณฝ่าวิกฤตขาลงได้ตามแบบฉบับมือโปร หรือ มืออาชีพอย่าง บลจ.เอ็มเอฟซี เหมาะสำหรับนักลงทุนรายใหม่ และนักลงทุนรายเก่า

งานเขียนชิ้นนี้ “หุ้นสมาร์ท” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “เชาวน์กร โชติบัณฑ์” Head of Investment Strategy บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) ที่เป็นนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ เพื่อให้ช่วยแนะนำใน 3 ประเด็นหลักๆ ประกอบด้วย 1.เทคนิคจัดพอร์ตหุ้นไทยให้รับมือได้ในทุกสถานการณ์ 2.กลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานดีที่ควรมีในพอร์ตลงทุน 3.หุ้นที่มีผลงานการเติบโตดีแม้ในภาวะตลาดขาลง แล้วนำมาย่อยเพื่อที่จะทำให้นักลงทุนหน้าใหม่ รวมถึงคนที่ลงทุนอยู่แล้ว สามารถเริ่มต้นด้วยแนวคิดแบบนักลงทุนมืออาชีพ ฉลาดเลือก นำไปปรับใช้รับมือกับตลาดหุ้นในปัจจุบัน

เทคนิคจัดพอร์ตหุ้นไทยให้รับมือได้ในทุกสถานการณ์

สำหรับ เทคนิคที่นักลงทุนมือโปรอย่าง บลจ.เอ็มเอฟซี แนะนำให้ใช้ในการจัดพอร์ตหุ้นไทยให้รับมือได้ในทุกสถานการณ์ ต้องเน้นการคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-up “การวิเคราะห์จากพื้นฐานของบริษัท” ซึ่งหมายถึงการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัทเป็นหลัก เพื่อมองหาหุ้นที่ดีโดยไม่ต้องสนใจว่าตลาดจะขึ้นหรือลง และอย่าลงทั้งกระเป๋า เตรียมเงินไว้ซื้อยามหุ้นร่วงแรงๆ

1.หุ้นคุณค่า (Value Stocks)เปรียบได้กับของหายากแต่ราคายังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Undervalued)นั่นคือแนวคิดของหุ้นคุณค่า ที่มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งแต่ราคายังต่ำกว่าที่ควรจะเป็น หุ้นแบบนี้มักมีตัวเลขที่น่าสนใจ P/E ต่ำ (ราคาหุ้นเมื่อเทียบกับกำไร) , P/B ต่ำ (ราคาหุ้นเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชี) และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย

2. หุ้นปันผลสูง (High Dividend Stocks)จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ แม้เศรษฐกิจผันผวน ช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ต ช่วยให้พอร์ตมีรายได้เข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดขาลงเช่นปัจจุบัน เปรียบได้กับว่าให้เงินช่วยเราทำงานหาเงินเข้ามาเพิ่ม

3. หุ้นที่มีผลประกอบการเติบโตดี หรือบริษัทที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่อง มีหนี้สินต่ำ มีเงินสดเยอะแข็งแกรง และมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจสูง

4. ถือเงินสดบางส่วน เพื่อกระจายความเสี่ยง จะได้เงินติดกระเป๋าไว้รอซื้อหุ้นในวันที่ตลาดปรับตัวแรง หรือ เกิด Panic Sell ก็จะมีโอกาสซื้อหุ้นดีๆ ในราคาถูก เรียกว่าลงแรงเมื่อไหร่ก็พร้อมซื้อ

3 กลุ่มอภินิหารพื้นฐานดีฝ่าหุ้นขาลง

เป็นธุรกิจที่ยังเติบโตได้แม้เศรษฐกิจจะผันผวน ประกอบด้วย

✅ กลุ่มค้าปลีก – ได้รับประโยชน์จากการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคภายในประเทศ (Domestic Consumption)
✅ กลุ่มไฟแนนซ์ ธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ) – ได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง ทำให้คนกู้เงินได้ง่ายขึ้น (Interest Rate Sensitive)
✅ กลุ่มธนาคาร และ ICT – เป็นหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) และจ่ายปันผลสูง (Dividend Play)

ขอดู Success Stories ชัดๆ ได้ไหม

ทั้งนี้ 3 กลุ่มข้างต้นจะสามารถเติบโตได้แม้ในภาวะตลาดขาลง เพราะ

กลุ่มค้าปลีก:ยอดขายเติบโตแม้เศรษฐกิจซบเซา จากการที่นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐบาลจะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลอดทั้งปี ในระยะสั้นมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล (มาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” ในเดือนม.ค.-ก.พ. และมาตรการแจกเงินสดเฟสที่สองในเดือนม.ค.) จะช่วยสนับสนุนให้ยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 1 ปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง

กลุ่มไฟแนนซ์ ธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ :สินเชื่อเติบโตแม้ดอกเบี้ยลดลง จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ จะเป็นอีกนึงปัจจัยช่วยตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไป เพราะทำให้การขอสินเชื่อเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิของกลุ่มนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวดี จากอัตราการตั้งสำรองที่ค่อยๆ ลดลง หลังจาการไหลเข้าของสินเชื่อที่ไม่ก่อให NPL ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้วในช่วงกลางปี 2567 ที่ผ่านมา และการปรับโครงสร้างของคุณภาพสินเชื่อ โดยปี 2568 อัตราการเติบโตของสินเชื่ออยู่ในระดับปานกลาง 15-20 % ในขณะที่ NIM จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง

กลุ่มธนาคาร : ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ปันผลสูงเฉลี่ย 6%-6.5% คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารจะเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยกลุ่มธนาคารยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ทั้ง Coverage ratio ที่สูง ฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง รวมทั้งสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง ปัจจุบัน ณ 20/2/2025 หลาย ๆ ธนาคารประกาศจ่ายปันผลมากกว่าที่คาดด้วยรวมถึงแนวโน้มที่จะปรับ payout ratio ขึ้นเพื่อ ขยับ ROE ให้เพิ่มขึ่นตาม ปันผลเฉลี่ยของกลุ่มยังคงน่าสนใจที่ระดับ 6%-6.5%

กลุ่ม ICT: ธุรกิจที่คนขาดไม่ได้ เพราะเป็นธุรกิจที่มีลักษณะผูกขาดหรือกึ่งผูกขาด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่ต้องการในชีวิตประจำวัน แม้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร คนก็ยังต้องใช้งาน ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตอย่างมั่นคง และมักสามารถรักษาการเติบโตได้แม้ในช่วงที่ตลาดตกต่ำ โดยในครึ่งปีแรกคาดว่าต้นทุนในการประมูลคลื่น มีโอกาสลดลงจากอุตสาหกรรมที่มีผู้เล่นน้อยราย และการควบรวมกิจการ ทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจะยังคงสามารถจ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่อง

การคัดเลือกหุ้นที่ดี และไม่ทุ่มลงทุนทั้งหมด ต้องมีเงินสดไว้บางส่วน ตามแบบฉบับมือโปร น่าจะทำให้นักลงทุนเจ็บน้อยสุดในยุคตลาดหุ้นขาลง ขอให้ความมั่งคั่งเกิดขึ้นกับทุกท่าน

รายงานโดย วารุณี อินวันนา