“คิงส์ฟอร์ด” วางแนวรับดัชนี 1,350 จุด แนะ SISB-TU

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” มองแนวโน้มหุ้นวันนี้แนวรับ 1,350 จุด ยืนไม่อยู่เสี่ยงลงแถว 1,330 – 1,340 จุด ส่วนแนวต้าน 1,370 จุด หลังผลประชุมเฟดคงดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันที่ระดับ 5.25 – 5.50% ยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยประชุม 20 มี.ค.นี้ ฉุดตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วง แนะทยอยซื้อกลุ่มท่องเที่ยว รับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้ SISB , TU

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,350 จุด +/- หากยืนไม่ได้มีโอกาสปรับลดลงต่อไประดับ 1,330 – 1,340 จุด โดยมีแนวต้าน 1,370 จุด แนะนำทยอยซื้อกลุ่มท่องเที่ยว AOT,AAV,MINT,CENTEL รับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุด 28 ม.ค. 67 อยู่ที่ 2.74 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย ม.ค. จำนวน 4.44 แสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นรั มาตรการฟรีวีซ่าไทย – จีน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ DJIA -0.82%, S&P500 -1.61%, Nasdaq -2.23% กลุ่มบริการสื่อสาร,เทคโนโลยีปรับลดลง หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ยและยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ขณะที่ Alphabet -7.5% จากรายได้โฆษณาบน Youtube ต่ำกว่าคาด และ MSFT -2.7% คาดรายได้ในไตรมาสหน้าชะลอตัว ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.01% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสุขภาพ +0.5%, อสังหา +1.0% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี -0.6%

ผลการประชุม FOMC วานนี้มีมติคงดอกเบี้ยที่ 5.25 – 5.50% เป็นการคงดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ติดติดกัน โดย ปธ.เฟดยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในการประชุม 20 มี.ค. แม้ว่าเงินเฟ้อจะเริ่มลดลง แต่ยังสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% และ US Core PCE ธ.ค. 2.9% YoY โดยเฟดจะต้องเห็นเงินเฟ้อสหรัฐลดลงอย่างยั่งยืน โดย Reuter Poll คาดเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วง พ.ค. หรือ มิ.ย. นี้ จากปัจจัยดังกล่าวเป็นผลลบต่อหุ้นกลุ่ม Growth ของสหรัฐ

ส่วน ADP เผยการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ม.ค. เพิ่มขึ้น 107,000 และ คาด 150,000 ตำแหน่ง และวันศุกร์นี้ติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ม.ค. คาด 173,000 & ธ.ค. 216,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงาน ม.ค. คาด 3.8% & ธ.ค. 3.7%

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ SISB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 38.75 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q66 จะกลับมาฟื้นตัวได้ดี QoQ, YoY จากการรับรู้จำนวนนักเรียนใหม่เพิ่มขึ้น (ปัจจุบันนักเรียนรวม 4,125 คน ไทย 73% ต่างชาติ 27%) และผลของการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาเต็มไตรมาส (ขึ้นไปตอนเดือน ส.ค.) ประกอบกับไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่มของการเปิดโรงเรียนใหม่ 2 สาขา (นนทบุรีและระยอง) ในช่วงแรกซึ่งเป็นค่าใช้จ่าย one time เหมือนไตรมาสก่อน ส่งผลให้ไตรมาสที่ 4 น่าจะเป็นจุดที่ดีสุดของปี ส่วนแนวโน้มปี 67 เติบโตได้ต่อเนื่องตามจำนวนนักเรียน โดยมีแผนเพิ่มในสาขาเชียงใหม่ ประชาอุทิศ ธนบุรี และดำเนินการปรับเพิ่มค่าเทอมโดยเฉลี่ยราว +5% ต่อปี ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66-67 ที่ 621 ล้านบาท (+68%YoY) และ 842 ล้านบาท (36%YoY) ตามลำดับ

หุ้น TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 17.80 บาท) คาดขาดทุนสุทธิ 4Q66 ที่ระดับ -17,110 ลบ. (จากกำไร 4Q65 ที่ +1,238ล้านบาท และ 3Q66 ที่ +1,206 ล้านบาท) จากการตั้งสำรอง Red Lobster ที่ราว -1.85 หมื่นล้านบาท โดยหากตัดประเด็นดังกล่าวและ Extra Items อื่นๆออกไป เราประเมินกำไรปกติของ TU ในช่วง 4Q66 ที่ +1,623 ล้านบาท (-5%YoY, +10%QoQ) ในภาพ YoY ยังเห็นการปรับลดลงจากฐานสูง แต่ภาพ QoQ ฟื้นตัวได้ต่อจาก 1.ออเดอร์ที่กลับมาเป็นปกติมากขึ้น(Inventory ลูกค้าในช่วง 1H66 ที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูง) 2. ราคาต้นทุนปลาทูน่า ที่ปรับลดลงมาอยู่ในโซน 1600 usd/ton (จาก 1800 usd/ton ในช่วง 3Q66)

ส่วนภาพระยะถัดไป การถอนทุนจาก RL จะส่งผลให้ไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนเข้ามาในปี 67 แล้ว ส่งผลให้ valuation สูงขึ้น ราว +2.0 บาท (17.80+2.00 บาท)