HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มดัชนีวันนี้ “ทรงตัว” รอรายงานกำไร บจ.Q/67 ประเมินผลกระทบจากมาตรการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ แนวรับดัชนี 1,240 – 1,250 จุด แนวต้าน 1,270 จุด ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก Fed Minutes คณะกรรมการเฟดยังกังวลภาวะเงินเฟ้อสูงจากมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้า หุ้นเด่นแนะ SAT, ERW
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,240 – 1,250 จุด แนวต้าน 1,270 จุด คาดดัชนีทรงตัวรอรายงานกำไร บจ.Q/67 และรอประเมินผลกระทบจากมาตรการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ แนะนำทยอยซื้อกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก CPAXT,BJC,CRC กลุ่มธนาคาร KTB,SCB,BBL ในช่วงประกาศจ่ายเงินปันผล กลุ่มไฟแนนท์ MTC,TIDLOR กลุ่มอาหาร CPF,TFG,BTG กลุ่มอสังหา AP,SIRI,SC
ปัจจัยในประเทศกระทรวงการคลังเผยเตรียมออก Thai ESG กองที่ 2 เพื่อรับรองเม็ดเงินกองทุน LTF ที่ครบกำหนดการถือครองมูลค่า 1.8 แสนล้านบาท เพื่อช่วยลดแรงขายไถ่ถอนของนักลงทุน ด้านตลาดหลักทรัพย์ได้ทบทวนเกณฑ์ 1) Up-Tick จะใช้เฉพาะหุ้นที่ลดลงมาจนถึงเกณฑ์ และใช้เกณฑ์ Zero-Plus Tick สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET100 2) ชะลอการใช้ Dynamic Price Band เฟส2 3) อนุญาตให้ใช้ HFT ได้กลุ่มหุ้น SET100 และ 4) ยกเลิก Min.Resting Time 250 millionsec. โดยมีเป้าหมายช่วยเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA ปิด +0.16%,S&P500 +0.24%,Nasdaq +0.07% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสุขภาพ และสินค้าอุปโภคบริโภค หลังรายงาน Fed Minutes ม.ค. คณะกรรมการเฟดยังกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อสูง จากมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐชะลอการปรับลดลงสู่เป้าหมายที่ 2% ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์เผยเตรียมจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์, เซมิคอนดักเตอร์ และยาในอัตรา 25% กับทุกประเทศ แต่นักวิเคราะห์คาดน่าจะเป็น มาตรการขู่ให้ประเทศคู่ค้าเข้ามาเจรจากับสหรัฐมากกว่าปรับขึ้นภาษีจริง ๆ
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านสหรัฐ ม.ค.อยู่ที่ 1.36 ล้านยูนิต ต่ำกว่าคาดที่ 1.39 ล้านยูนิต
ส่วนค่ำวันนี้ติดตามจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด และวันศุกร์ US.PMI ภาคผลิตและบริการ ก.พ., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ก.พ.
ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.91% โดยกลุ่มยานยนต์ -1.5% หลัง ประธานาธิบดีทรัมป์เผยจะเรียกภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25%
หุ้นเด่น แนะนำ SAT (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 12.40 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิงวด 4Q67 ที่ 215 ล้านบาท +35%QoQ, -1%YoY ดีกว่าคาด แม้ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนฯ จะชะลอตัวตามภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยใน 4Q67 แต่ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักกลการเกษตร ประกอบกับการจัดการต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ GPM ดีขึ้นมาอยู่ที่ 20% (3Q67 = 17.2%, 4Q66 = 18.7%)
ส่วน outlook ในปี 68 การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยังมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลก การตอบโต้ทางภาษีของสหรัฐ การแย่งส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ EV และชิ้นส่วนฯ จากจีน รวมถึงความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้คาดยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเติบโตต่ำราว 2% ที่ 1.5 ล้านคัน
อย่างไรก็ดี SAT ยังมีจุดเด่นที่การจ่ายเงินปันผลสูงจูงใจ ล่าสุดประกาศจ่ายงวด 2H67 ที่ 1.24 บาท/หุ้น คิดเป็น Div.Yield สูงถึง 11.4% ขึ้น XD 5 มี.ค.68 ภายใต้ valuation ปัจจุบันไม่แพงด้วย EPS ปี 68 ที่ 1.77 บาท/หุ้น +7%YoY คิดเป็น Forward PER ที่ 6.2 เท่า
หุ้น ERW* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 5.12 บาท) Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 335 ล้านบาท (+58%YoY, +171%QoQ) การดำเนินงานปกติยังมีปัจจัยบวกตามฤดูกาล(จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 4Q67 +17%YoY +10%QoQ) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ รวมถึงการ renovate โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา ที่เสร็จสิ้น ซึ่งทาง ERW* คาด 4Q67 จะมี Occ. Rate ที่ 80% และ ARR ที่ +8-10%QoQ, +5-7%YoY
นอกจากนี้ ช่วง 1Q68 ยังดูมีแนวโน้มดีจากยอดนักท่องเที่ยวเข้าไทยในช่วง 1ม.ค.-16ก.พ.68 ยัง +11.90% YoY