“คิงส์ฟอร์ด”คาดดัชนีทรงตัวกรอบ 1,370-1,390 จุด แนะ SABINA-ITC

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มดัชนี ทรงตัวในกรอบ 1,370 – 1,390 จุด ถูกกดดันจากรายงานกำไรบจ.Q4/66 คาดชะลอตัว QoQ นักลงทุนยังรอผลประชุม BOJ, ECB แนะทยอยซื้อกลุ่มปลอดภัย “INTUCH, BH, GULF, CPALL” เก็งกำไร CK, CKP พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้ SABINA, ITC

บริษัทหลักทรัทพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบ 1,370 – 1,390 จุด โดยยังถูกกดดันจากรายงานกำไร บจ. Q4/66 คาดชะลอตัว QoQ และรอผลประชุม BOJ, ECB แนะนำทยอยซื้อกลุ่มปลอดภัย เช่น INTUCH, BH, GULF, CPALL หุ้นเก็งกำไร CK, CKP

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.05%, S&P500 +1.23%, Nasdaq +1.70% ปิดท้ายสัปดาห์ก่อน ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลัง ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น ม.ค. อยู่ที่ 78.8 & ธ.ค. 69.7 สูงสุดนับตั้งแต่ ก.ค. 64 และคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างอยู่ที่ 2.9% และเดิมคาดที่ 3.1%

หุ้นแนะนำวันนี้ SABINA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 31.75 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q66 เติบโต QoQ, YoY หนุหนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการขายผ่าน ช่องทาง Store retailing และ Online + Tv Shopping (NSR) ที่เติบโตได้ดี รวมถึงมีการออกสินค้าที่เป็น Collection ใหม่ตามฤดูกาล ส่วนงาน OEM จากฝั่งยุโรปที่ถูกเลื่อนก่อนหน้านี้มีทิศทางทยอยฟื้นตัว โดยมีโมเมนตัมต่อเนื่องในช่วง 1Q67 จากมาตรการ Easy E-Receipt ทั้งนี้ตลาดประเมินกำไรปี 66-67 ที่ 471 ล้านบาท +13%YoY และ 522 ล้านบาท +10%YoY ตามลำดับ

หุ้น ITC (ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 24.10 บาท) กำไรสุทธิ 3Q66 อยู่ที่ 645 ล้านบาท +45% QoQ, -56% YoY ภาพ YoY ยังหดตัวจากฐานที่สูง แต่ QoQ เห็นการฟื้นตัวได้ดีชัดเจนจากการที่คู้ค้ากลับมาสต็อกสินค้าอีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาด เอเชีย-โอเชียเนียและอื่นๆ ที่ยอดขาย +30%QoQ +1%YoY จากสินค้าใหม่ๆในไทยและญี่ปุ่น รวมไปถึงตลาดใหม่ในจีน

ส่วนการดำเนินงาน 4Q66 คาดว่ายังจะฟื้นตัวต่อได้ในแง่ของ QoQ ทั้งจากยอดขาย และ มาร์จิ้นที่กดดันน้อยลงจากต้นทุนราคาปลาทูน่าที่ลดลง โดยตัวเลขส่งออกอาหารสุนัขและแมวของไทยต.ค.-พ.ย.66 +1.5%YoY และคิดเป็น 73%ของ 3Q66 ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี66 และ67 กำไรสุทธิของ ITC จะอยู่ที่ระดับ 2,225 ล้านบาท(-50%YoY) และ 2,980 ล้านบาท(+34%YoY)

บริษัทหลักทรทัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับลงสู่แนวรับ 1,395 – 1,400 จุด แนวต้าน 1,410 – 1,415 จุด หลังยังไม่ชัดเจน ธนาคารกลางหลักจะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อไร และรอรายงกำไรกลุ่มธนาคาร แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น INTUCH, BDMS, GULF และกลุ่มปันผล AP, SPALI, SAT

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ STANLY (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 231.00 บาท) แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H66/67 (ต.ค.66-มี.ค.67) จะเติบโตขึ้น YoY จากการรับรู้รายได้คำสั่งซื้อสำหรับรถยนต์โมเดลใหม่ของ Honda เต็มไตรมาส โดยตลาดคาดกำไรสุทธิปี 66/67 ที่ 1.98 พันล้านบาท เติบโต +13%YoY ดีกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 66 ที่หดตัว -2% เนื่องจากบริษัทได้รับงานโมเดลใหม่เข้ามามากจากทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์ (Head Lamp – Tail Lamp) ประกอบกับภาพในอนาคตคาดว่าจะไม่ถูก Disrupt จากรถยนต์ EV แล้วยังได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์ EV ที่เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานประกอบในไทยจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วน Local Content ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสได้รับ Order เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ฐานะทางการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง สามารถจ่าย Div.Yield ที่ดีและสม่ำเสมอ ในช่วงที่ดอกเบี้ยในตลาดผ่านจุดสูงสุดและกำลังเป็นขาลง

หุุ้น WHA (ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท) ประเมินผลการดำเนินงาน 4Q66 โดดเด่นจาก 1.การรับรู้รายได้จากการขายที่ดิน โดยเฉพาะในส่วนของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์EV (WHA วางเป้ายอดขายที่ดินปี66 ที่ 2,750 ไร่) 2.การรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART ที่ราว 3,567 ล้านบาท ส่วนการดำเนินงานในช่วงถัดๆไปยังคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานผลิตจาก จีน/ญี่ปุ่น เข้ามาในใทยและเวียดนามมากขึ้น นอกจากนี้ WHA ยังจะมีปัจจัยบวกจากการลงทุนใน GCL ร่วมกับ PTTGC เพื่อพัฒนาธุรกิจ Logistic