บล.กสิกรฯมองหุ้นแกว่ง 1,370-1,425 จุด จับตา 3 ปัจจัยสัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยคาดดัชนีหุ้นเคลื่อนไหวสูงหรือต่ำกว่า 1,400  จุด ให้ติดตามตัวเลขส่งออกเดือนธ.ค.  ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ.  ส่วนค่าเงินบาทธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ระดับ 35.00-35.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังทำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 35.71 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (22-26 ม.ค. 2567) ว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,385 และ 1,370 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,425 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนธ.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนธ.ค. ดัชนี PMI เดือนม.ค. (เบื้องต้น) ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ ECB ดัชนี PMI เดือนม.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ รวมถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนม.ค. ของจีน

ในวันศุกร์ที่ 19 ม.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,382.51 จุด ลดลง 2.19% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,832.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.20%   ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.92% มาปิดที่ระดับ 412.50 จุด

ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนท่ามกลางแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้หุ้นไทยทยอยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากยังคงไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน ประกอบกับมีความกังวลว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศอาจมีความล่าช้า นอกจากนี้ ความกังวลว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานาน (หลังเจ้าหน้าที่เฟดบางรายแสดงความคิดเห็นว่าไม่จำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย) รวมถึงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจีดีพีไตรมาส 4/2566 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ก็เป็นปัจจัยลบที่กดดันหุ้นไทยด้วยเช่นกัน ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี หุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์

ส่วนค่าเงินบาท สัปดาห์ถัดไป (22-26 ม.ค. 67) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 35.00-35.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังจากทำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 35.71 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับยังไม่มีสัญญาณปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินจากธปท. อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับไปอ่อนค่าลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ หลังมีสัญญาณว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอาจมีความล่าช้า ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ทยอยแข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ สอดคล้องกับการที่ตลาดทยอยปรับลดโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. ลงมา

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงอ่อนค่าและดีดตัวกลับมาบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางของสกุลเงินเอเชียในภาพรวม

ในวันศุกร์ที่ 19 ม.ค. 2567 (ก่อนช่วงตลาดนิวยอร์ก) เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 35.06 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (12 ม.ค. 2567) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 15-19 ม.ค. 2567 นั้นมีการขายสุทธิหุ้นไทย 10,938 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 8,761 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 8,331 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 430 ล้านบาท)