“เจ เวนเจอร์” ดันบล็อกเชนเชื่อมตลาดโลก ปี’67 เพิ่มลูกค้าแอป 2 ล้านราย

HoonSmart.com>>เจ เวนเจอร์ ดัน JFIN Chain ขยายอีโคซิสเต็มบล็อกเชนเชื่อมต่อตลาดต่างประเทศ จับคู่เหรียญ JFIN เทรดกับ BTC นำ 7 เครื่องมือพร้อมใช้ ปิดเพนพ้อยท์ธุรกิจ 4 ด้านเปิดทางพันธมิตรเข้าถึงลูกค้า 11 ล้านราย วางเป้าเพิ่มดิจิทัลไอดี 2 ล้านบัญชี จาก 1.1 ล้านราย ดันวอลเล็ต 8 หมื่นกระเป๋า รับกระแสกระทิงคริปโต

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส ในเครือบริษัท เจ มาร์ท (JMART) เผยกลยุทธ์และทิศทางของ JFIN Chain ปี 2567 ว่า ได้ขยายอีโคซิสเต็มบล็อกเชนเชื่อมต่อตลาดต่างประเทศ โดยการพาร์ทเนอร์กับ Coinstore.com ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ และ Liquid Crypto ผู้ให้บริการ Decentralized Finance ชั้นนำจากออสเตรเลีย โดยเมื่อวันที 16 มกราคม ที่ผ่านมา ได้จับคู่เหรียญ JFIN เทรดคู่กับ BTC เป็นครั้งแรก หลังจากที่จับคู่เทรดกับ ETH ไปก่อนหน้านี้

ในส่วนของเหรียญโทเค็น (Token) มีผู้พัฒนาโปรเจกต์และมีเหรียญมาร่วมกันอยู่บนเชนของ JFIN จำนวนมาก เพื่อตอบโจทย์การใช้งานและไลฟสไตล์ที่หลากหลายของพันธมิตรทางธุรกิจ นักลงทุน และ ลูกค้าที่เป็นผู้บริโภค อาทิ XWEL เหรียญ สำหรับองค์กรในรูปแบบ work to earn, WIRTUAL เหรียญจากแอปพลิเคชันออกกำลังกายชื่อดัง และ KGO เหรียญ
City Token จากจังหวัดขอนแก่น ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคให้ขยายขึ้นต่อไป

“ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มดิจิทัลไอดีบนแอปพลิเคชั่น Join  เป็น 2 ล้านยูสเซอร์ โดยปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.1 ล้านยูสเซอร์ จากฐานลูกค้า 11 ล้านรายบนระบบอีโคซิสเต็ม และเพิ่ม Wallets เป็น 80,000 กระเป๋า จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 24,000 ราย เพิ่มพันธมิตรที่ใช้เทคโนโลยี NFT (Non-Fungible Tokens) สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่สามารถทดแทนได้ เข้ามาเป็นเครื่องมือทรานสฟอร์มให้ธุรกิจก้าวสู่โลกบล็อกเชนและ ชุมชน เป็น 45 รายจาก 17 ราย “นายธนวัฒน์ กล่าว

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนา JFIN Chain ขึ้นเมื่อปี 2565 ในรูปแบบ Proof-of-Stake Authority (PoSA) โดยมีองค์กรเข้ามาร่วมเป็น Validator Nodes จำนวน 11 Nodes ด้วยกัน สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่เรียกว่า ‘The Year of Collaboration’ เนื่องจาก JFIN Chain ได้มีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั้งการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และการต่อยอดพัฒนาของที่มีให้เกิดการใช้งานจริง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอาเทคโนโลยี NFT (Non-Fungible Tokens) เข้ามาเป็นเครื่องมือทรานสฟอร์มให้ธุรกิจก้าวสู่โลกบล็อกเชนและ Web3 ซึ่งนำมาใช้จริงแล้วกับธุรกิจ (Real use case) เช่น การใช้ NFT เพื่อสร้าง Customer Engagement กับร้านสุกี้ตี๋น้อย และร้านกาแฟ Casa Lapin หรือ การนำ NFT มาเป็นรางวัลพรีเมียมพร้อมกับสิทธิพิเศษให้กับผู้ร่วมงานคอนเสิร์ต Overcoat ครั้งที่ 13

ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา อีโคซิสเต็มของกลุ่มเจ มาร์ท มี 32 บริษัท 20 แอปพลิเคชั่น มีฐานลูกค้า 11 ล้านราย โดยสามารถจัดกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการบริโภคได้ 10 ไลฟ์สไตล์ ครอบคลุมการใช้บริการสินเชื่อ ประกันภัย ประกันชีวิต อสังหาริมทรัพย์ ด้านสุขภาพ การเดินทางท่องเที่ยว การศึกษา เครดิตการ์ด เป็นต้น

ปีนี้ บล็อคเชนของบริษัทพร้อมที่จะรองรับ เกมมิฟิเคชัน โลกแห่งการเรียนรู้ผ่านเกมส์ ที่เข้ามาร่วมบนเชน ซึ่งต้นปีนี้ ได้เปิดตัว เกมส์ BitmonsterNFT และ BEASTICA ไปแล้ว

“วันข้างหน้าโลกธุรกิจจะเกิดการแข่งขันกันระหว่างอีโคซิสเต็ม ไม่ใช่การแข่งขันระหว่างบริษัทกับบริษัทอีกต่อไป พาทเนอร์ที่เข้ามาร่วมกับเราจะได้เรียนรู้พฤติกรรมของดิจิทัลยูสเซอร์ เพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ กิจกรรมทางการตลาด และบริการได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้”นายธนวัฒน์ กล่าว

นายธนวินท์ รัฐเมธา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส กล่าวว่า บริษัทต้องการที่จะดึงฐานลูกค้า 11 ล้านคนเข้าสู่บล็อคเชนได้ง่าย อยากให้มีกระเป๋าตังค์ดิจิทัลหรือ Wallets เชื่อมต่อกับ Web2 (ธุรกิจ) ที่สามารถไปทำกิจกิจกรรมต่างๆ สร้างการมีส่วนร่วม สร้างประสบการณ์ กับ Web3 เจ้าของชุมชนหรือสังคมออนไลน์ได้เลย ทั้งแบบออนไลน์ และโลกแห่งความเป็นจริง ผ่าน 7 เครื่องมือพร้อมใช้ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อปิด 4 Pain point หลักๆของธุรกิจได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายต้นทุน ได้เครื่องมือมีคุณภาพใช้งานได้จริงในธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมต่างๆมีความรวดเร็วในการทำงาน เพราะสามารถนำไปใช้ได้เลย และ 7 เครื่องมือนี้ผ่านมาตรฐานและมีการตรวจสอบอย่างถูกต้อง (Compliance Audit) ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยทางระบบ ISO27001 จะทำให้ธุรกิจกระโดดเข้าสู่โลกของบล็อคเชน ที่มีการบริหารจัดการแยกส่วนไม่รวมศูนย์

ทั้งนี้ มี Join แอปพลิเคชั่น เป็นธงนำตัวหนึ่งของบริษัท ซึ่งเป็นประตูเข้าสู่ JFIN Chain  ทางลัดในการเชื่อมต่อธุรกิจเข้าสู่โลกบล็อกเชนด้วยกระเป๋า (Wallet) บนโทรศัพท์มือถือ ที่มีทั้ง Tokenization สามารถสร้างเหรียญที่เป็นสมาร์ทคอนแท็ค , NFT, Community, Gamification, Airdrop  สามารถทำกิจกรรมทางการตลาด โฆษณา สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า สร้างการมีส่วนร่วมกับพนักงาน ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์แต่ละคน ช่วยธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนา

มี JFIN Name Service (JNS) เป็นแบบ decentralized ใช้ในการสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มั่นใจได้ในความปลอดภัยว่าเป็นตัวจริง  และเข้าร่วมกับ Join reward  ที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างโลกออนไลน์กับโลกออฟไลน์ โดยการนำคะแนนหรือเหรียญในโลกออนไลน์มาแลกของในโลกแห่งความเป็นจริง สามารถทำกิจกรรมหรือสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและชุมชนออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ดึงดูดคนเข้ามาร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้นเพราะใช้งานง่าย

ในขณะที่ Business NFT เป็นเครื่องมือที่ใหญ่มากอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า GEN Z โดยการปรับเทคโนโลยี NFT ไปใช้งานในรูปแบบของ Utility เช่น การจัดกิจกรรมต่างๆ จัดเคมเปญส่งเสริมการตลาด

ปัจจุบัน ธุรกิจให้ความสนใจเทคโนโลยี NFT ค่อนข้างมาก เช่น พาร์ทเนอร์รายหนึ่ง ต้องการ drop NFT 5 หมื่นตัวให้ลูกค้า ซึ่งลูกค้าจะต้องมี wallets จึงสร้าง Hyper NFT ขึ้นมา เพราะเวลา drop NFT ต้องการความไว ความเข้าใจที่ง่าย โดยจะมีสถานะเป็นโลกเสมือนจริง ซึ่ง NFT เป็นได้หลายอย่าง อาทิ Ticket ,Certificate,Affiliate หรือ Collectibles ก็ได้ โดยการออกแบบให้ง่าย เพื่อให้นำไปปรับใช้กับธุรกิจแบบไร้ขีดจำกัด ช่วยประหยัดต้นทุนทางด้านกฎระเบียบ กฎหมายหรือข้อบังคับต่างๆ

นอกจากนี้ NFT มีความเป็นบล็อคเชน สามารถใช้ NFT ดึงลูกค้าของพันธมิตรมาใช้สินค้าและบริษัทได้ โดยปีนี้ตั้งเป้าที่จะสร้าง NFT Use Cases เพิ่มเป็น 45 ราย จากปีที่ผ่านมามี 17 ราย

ขณะที่ Token Generation จะช่วยสร้างและบริหารจัดการโทเคน โดยที่ไม่ต้องพัฒนาขึ้นมาเอง เปิดโอกาสในการทำธุรกรรม และแลกเปลี่ยนโทเคนได้ง่าย KLAIKLAI Decentralization Web3 Social Map จะทำการเชื่อมต่อผู้ใช้งานในโลกออนไลน์ และโลกแห่งความเป็นจริง นำมาสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภครายบุคคล ชุมชน และธุรกิจ

Blockhain Layer2 เป็น Network Blockchain สำรอง ที่รองรับการเก็บข้อมูล ปริมาณมากและมีความรวดเร็ว เพื่อรองรับ Use Case ของธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลปริมาณมาก ทำให้การทำธุรกรรมรวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายต่ำ

นอกจากนี้ ยังได้ต่อยอดสร้างสรรค์ Join Solution ตัวช่วยสำคัญในการนำเอาเครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Web3, NFT และ Token เข้ามาทำงานร่วมกันแบบรอบด้านเพื่อให้เป็นกลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์ เชื่อมต่อธุรกิจและลูกค้าเข้าสู่โลกชุมชนออนไลน์ ได้อย่างไร้รอยต่อ